iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max

  • ใช้ดีไซน์เหมือนเดิม รอยบากเล็กลง
  • มีสีฟ้าเป็นสีใหม่ ชื่อสีเซียร์ร่าบลู นอกนั้นสีเดิมแต่สีทองเข้มขึ้น
  • กล้องหลัง 3 ตัว
  • กล้องหน้า TrueDepth เล็กลง
  • ชิป A15 Bionic
  • ใช้จอ Super Ratina XDR (APPLE Custom OLED)
  • จอ ProMotion สูงสุด 120 Hz ปรับเฟรมเรตตามความเหมาะสมระหว่างการใช้งาน
  • แบตเตอรี่ iPhone 13 Pro ใช้งานได้นานขึ้น 1.5 ชั่วโมง ส่วน iPhone 13 Pro Max เพิ่มขึ้น 2.5 ชั่วโมง
  • เลนส์ Wide รับแสงได้มากขึ้นสูงสุด 2.2 เท่า
  • เลนส์ Ultra-Wide รับแสงได้ดีขึ้น 92% ในที่แสงน้อย / มี Auto Fucus
  • เลนส์ Telephoto ซูมแบบออปติคอลได้ 3 เท่า
  • ถ่ายมาโครด้วยเลนส์ Ultra-Wide โฟกัสได้ในระยะห่างเพียง 2 ซม.
  • ระบบกล้องมาพร้อม HDR อัจฉริยะ 4
  • โหมดใหม่ Photographic Style ปรับค่าต่าง ๆ ของกล้องได้เองตามต้องการ (รองรับ 13 ทุกรุ่น)
  • ถ่าย Night Mode ได้ทุกเลนส์
  • วิดีโอ มี Macro Slomo / ปรับค่า f ในวิดีโอได้ (Cinematic Mode )
  • ProRes รองรับ 4K 30fps
  • ความจุ 128GB, 256GB, 512GB และเพิ่มสูงสุดที่ 1TB

เปิดตัว iPhone 13 mini, iPhone 13

  • กล้องหลังแนวทะแยง
  • iPhone 13, iPhone 13 mini
  • ดีไซน์เดิมเหมือน iPhone 12 แต่รอยบากเล็กลง
  • ใช้จอ Super Ratina XDR
  • กระจกหน้าจอ Ceramic Shield
  • กันน้ำฝุ่น IP68
  • มี 5 สีใหม่ Pink, Blue, Midnight, Starlight, (PRODUCT)RED
  • กล้องหน้า TrueDepth เล็กลง
  • ปรับดีไซน์แผงวงจรใหม่ แบตเตอรี่ใหญ่ขึ้น
  • แบตเตอรี่ของ iPhone 13 mini ใช้ได้นานขึ้น 1.5 ชั่วโมง ส่วน iPhone 13 ใช้ได้นานขึ้น 2.5 ชม
  • จอสว่างขึ้น 28% ความสว่างสูงสุด 1200 นิต
  • ชิป A15 Bionic
  • ปรับปรุงกล้องหลังเซ็นเซอร์ใหญ่ขึ้น
  • ระบบกล้องมาพร้อม HDR อัจฉริยะ 4
  • กล้อง Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล เก็บแสงได้เพิ่มขึ้น 47 %
  • กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์เร็วขึ้น
  • ถ่าย Night Mode ได้ทุกเลนส์
  • ถ่ายไทม์เลปส์โดยใช้ Night Mode ได้
  • โหมดสำหรับถ่ายวิดีโอใหม่ เรียกว่า Cinematic Mode
  • ความจุ 128GB, 256GB, 512GB

เปิดตัว iPad mini รุ่นที่ 6

  • ดีไซน์คล้าย iPad Air
  • ใช้ชิป A15 Bionic
  • มี 4 สี ม่วง ชมพู ทอง (Starlight) สเปซเกรย์
  • ปุ่ม Power ด้านบน
  • จอ True Tone
  • Touch ID ที่ปุ่ม Power
  • CPU เร็วขึ้น 40 %
  • GPU เร็วขึ้น 80% ถ้าเทียบกับไอแพดมินิรุ่นที่ 5
  • Neural Engine เร็วขึ้น 2 เท่า
  • พอร์ต USB-C (เชื่อมต่อเร็วขึ้น 10 เท่า)
  • รองรับ 5G ความเร็ว 3.5 Gbps
  • รองรับ Wi-Fi 6
  • กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล f1.8 มาพร้อม True Tone flash
  • กล้องหน้า 12 ล้านพิกเซล แบบ Ultra Wide มีฟีเจอร์ Center Stage เหมือนใน iPad Pro M1
  • ใช้กับ Apple Pencil รุ่นที่ 2
  • แถม Adapter USB-C ขนาด 20W
  • ความจุเท่าเดิม แต่ราคาเพิ่มขึ้นตามดีไซน์และสเปคที่ถูกอัปเกรด
  • มาพร้อม Smart Folio Cover 5 สี

เปิดตัว iPad รุ่นที่ 9

  • ใช้ดีไซน์เดิม จอ 10.2″
  • ใช้ชิป A13 Bionic เร็วขึ้น 20% CPU GPU และ Neural Engine เร็วขึ้น!
  • กล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล แบบ Ultra Wide มาพร้อมมีฟีเจอร์ Center Stage เหมือน iPad Pro M1
  • จอภาพสี True-Tone
  • ยังคงใช้งานร่วมกับ Apple Pencil รุ่นที่ 1
  • แบตเตอรี่ใช้ได้ทั้งวัน
  • ความจุเพิ่มขึ้น 2 เท่า โดยความจุมีให้เลือก 2 ขนาด คือ 64GB และ 256GB (จากเดิม 32GB และ 128GB)
  • กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
  • มาพร้อมอะแดปเตอร์ USB-C 20 W
  • มี 2 สีเหมือนเดิม คือสี Silver และ Space Grey
  • ราคาแพงขึ้นเล็กน้อยตามความจุที่เพิ่มขึ้น

เปิดตัว Apple Watch Series 7

  • ดีไซน์ตัวเรือนโค้งมนแบบเดิม
  • ลดขอบจอลง เพิ่มพื้นที่หน้าจอมากขึ้น ขอบเล็กลง 40%
  • มาพร้อมตัวเรือนขนาดใหม่ ขนาด คือ 41 mm และ 45 mm
  • จอสว่างขึ้น 70%
  • ประมวลผลเร็วขึ้น
  • ใช้งานคีย์บอร์ดบน Apple Watch ได้แล้ว เหมือนคีย์บอร์ดบนไอโฟน
  • มาพร้อมหน้าปัดไดนามิค และโมดูลาร์แบบใหม่
  • หน้าจอรองรับการแตก เป็น AW ที่แข็งแรงที่สุด
  • กันฝุ่น IPX6
  • กันน้ำมาตรฐาน WR50
  • แบตเตอรี่ใช้งาน 18 ชม
  • ชาร์จได้เร็วขึ้น รองรับ Fast charge เร็วขึ้น 33% ใช้เวลา 45 นาที ชาร์จจาก 0-80%
  • รุ่นเริ่มต้นมีสีใหม่ คือ สีเขียว และสี Starlight
  • มีฟีเจอร์ ECG และวัดออกซิเจนในเลือดได้

ราคา iPhone 13, iPhone 13 Pro ทุกรุ่น


ขอบคุณรูป และข้อมูลจาก www.iphonemod.net