เปิดตัว vivo X Fold มือถือพับได้ที่มาพร้อมกับขุมพลัง Snapdragon 8 Gen 1 และกล้องระดับเทพ

เปิดตัว vivo X Fold มือถือพับได้ที่มาพร้อมกับขุมพลัง Snapdragon 8 Gen 1 และกล้องระดับเทพ

ในที่สุด vivo X Fold มือถือรุ่นใหม่ได้เผยโฉมแล้วในประเทศจีนโดยถือว่าเป็นนวัตกรรรมครั้งแรกของ vivo แต่ถือว่าเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์เพราะมีข้อมูลออกมาก่อนหน้านี้

โดยมือถือรุ่นนี้จตะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.53 นิ้ว แบบ AMOLED แต่พอกางออกมาจะได้ขนาด 8.03 นิ้ว ความละเอียด 1800×2200 พิกเซล โดยเป็นแบบ LTPO2 หรือ AMOLED E5 ที่จะมาพร้อมกับ Refresh Rate 120Hz แบบปรับได้ และยังรองรับ HDR10+

m2

นอกจากนี้กระจกด้านในใช้แบบ SCHOTT UTG ทำให้แข็งแรงมากพอสมควรและเป็นเกรดเดียวกับของ Samsung จนคะแนนหน้าจอได้รับจาก Display Mate สูงถึง A+ ทั้ง 2 หน้าจอ รองรับการพับได้ทั้ง 60 – 120 องศา

ด้านขุมพลงเลือกใช้ Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 รองรับ RAM ขนาด 12GB มี RAM สูงสุด 12GB และมีความจำให้เลือกหลากหลาย ให้แบตเตอรี่ 4600 mAh รองรับการชาร์จไฟ 66W ชาร์จไฟให้เต็มในเวลา 37% และรองรับ Wireless Charge 50W และ Reverse Charge ที่ 10W

m6

ส่วนกล้องหลังทั้งหมด 4 ตัวโดยกล้องความละเอียด 50 ล้านพิกเซล F/1.8 นิ้วรองรับ OIS และใช้เซนเซอร์ Samsung GN5 กล้อง Telephoto 12 ล้านพิกเซล F/2.4 มาพร้อมกับกล้อง Periscope 5 เท่ารองรับการซูม 60 เท่าแบบ Digital Zoom และ Ultra Wide ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 114 องศา ทั้งหมดใช้เลนส์ Zeiss และมีลูกเล่นครบเช่น Texture Portrait, Motion Capture 3.0, Zeiss Super Night Scene, Zeiss Nature เป็นต้น

ขอขอบคุณ – Sanook

รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก
facebook

#โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแท

สรุป 10 ผลกระทบต่อผู้บริโภค หลังทรู ควบรวมดีแทค ผู้บริโภคได้ประโยชน์อะไรบ้าง

สรุป 10 ผลกระทบต่อผู้บริโภค หลังทรู ควบรวมดีแทค ผู้บริโภคได้ประโยชน์อะไรบ้าง

แหล่งข่าวจากวงการโทรคมนาคมไทย เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย ต้องเรียนรู้จากบทเรียนในโลกนี้ ที่ผู้ประกอบการทั่วโลกล้วนปรับตัว ให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้อยู่รอดได้ ซึ่งตลอด 2 ปีที่ผ่านมา

คนไทยได้ยินข่าวการปรับตัวของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมมาโดยตลอด อาทิเช่น (7 มกราคม 2564) องค์การโทรศัพท์ (TOT) ควบรวมกับการสื่อสารแห่งประเทศไทย (CAT) หลังจากการควบรวมเป็น NT จะเป็นบริษัทที่มีโครงสร้างพื้นฐานครบวงจรมากที่สุดมูลค่าสินทรัพย์มากถึง 300,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเสาโทรคมนาคมกว่า 25,000 ต้นทั่้วประเทศ เคเบิ้ลใต้น้ำระหว่างประเทศเชื่อมต่อไปยังทุกทวีป ถือครองคลื่นความถี่หลักเพื่อให้บริการรวม 6 ย่านมีปริมาณ 600 เมกะเฮิรตซ์ ท่อร้อยสายใต้ดินมีระยะทางรวม 4,600 กิโลเมตร สายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง 4 ล้านคอร์กิโลเมตร Data Center 13 แห่งทั่วประเทศ และ ระบบโทรศัพท์ระหว่างประเทศที่เข้าถึงจากทุกประเทศในโลก ทั้งนี้ก็เป็นการปรับตัวเพื่อการแข่งขัน ซึ่งได้ควบรวมเสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี

ในขณะที่ 6 สิงหาคม 2564 เอไอเอส (AIS) ก็มีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น โดย GULF ทุ่ม 4.86 หมื่นล้าน ปิดเกมซื้อ INTUCH ครองหุ้น 42.25% ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่ ผู้บริหารของกัลฟ์ ให้เหตุผลกับนักลงทุนรายย่อย สื่อมวลชน และทีมเศรษฐกิจ ว่า เขาต้องการแพลตฟอร์มด้านการสื่อสารโทรคมนาคมเพื่อต่อยอดธุรกิจพลังงาน สนามบิน และท่าเรือของกัลฟ์ให้ดำเนินไปสู่ธุรกิจยุคใหม่ที่เป็นดิจิทัลทรานส์ฟอร์มอย่างแท้จริง ดังนั้นการที่ AIS มีผู้ลงทุนที่แข็งแกร่งอย่าง GULF ทำให้มีความพร้อมในการแข่งขันสู่ยุคดิจิทัล ในขณะที่ตลาดโทรคมนาคมต่างประเทศในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก็มีการควบรวม เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น Celcom Axiata ควบรวม Digi.Com ของมาเลเซีย หรือประเทศอินโดนีเซีย ที่บริษัท Indosat ควบรวม PT Hutchison ก็เพื่อให้ทำธุรกิจแข่งขันกันได้ทุกราย ในอิตาลีมีการควบรวมกิจการระหว่าง Wind และ H3G เป็น Wind Tre ปรับตัวพร้อมสู่การแข่งขันใหม่ ที่มีผู้เล่นดิจิทัลมาแข่งขัน ดังนั้น บทบาท กสทช. คือ การส่งเสริมให้ธุรกิจสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้

กรณีการควบรวม ทรู ดีแทค ถือเป็นกลุ่มสุดท้าย ที่เป็นการร่วมธุรกิจแบบเท่าเทียมกัน ไม่ใช่ใครซื้อใครอย่างที่มีการเข้าใจผิด เป็นการเดินหน้าสู่การปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจ ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ในอุตสาหกรรม เพื่อรองรับการแข่งขันในธุรกิจโทรคมนาคมที่มีการแข่งขันหนักหน่วงอย่างต่อเนื่อง และการขยายโครงข่าย รวมถึงลงทุนเรื่องเทคโนโลยี และบริการต่าง ๆ เป็นเรื่องจำเป็น ดังนั้นเมื่อร่วมมือกัน เงินลงทุนย่อมมากขึ้น และทำเรื่องทั้งหมดข้างต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างประโยชน์ให้กับผู้บริโภคด้วยบริการที่ดีขึ้น ตัวอย่างเงินลงทุนที่น่าสนใจคือ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น หรือ ทรู มีแผนลงทุนโครงข่าย 5G พ.ศ. 2563-2565 กว่า 40,000-60,000 ล้านบาท

ส่วน บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค พ.ศ. 2563 ลงทุน 8,000-10,000 ล้านบาท ขยายโครงข่าย 5G แต่เม็ดเงินเหล่านี้ไม่รวมค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่หลายหมื่นล้านบาท การควบรวมจะทำให้การลงทุนต่อเนื่อง ไม่สะดุด ทำให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีขึ้นต่อเนื่อง และต้องลงทุนเพิ่มในการนำเสนอบริการดิจิทัล ปรับองค์กรสู่การเป็นเทคโนโลยี ซึ่งสามารถสรุปประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับคือ

1.การเข้าถึงสัญญาณเครือข่ายดีขึ้น เสาสัญญาณเพิ่มมากขึ้น สัญญาเร็ว แรง และครอบคลุมพื้นที่ใช้งานมากขึ้น เมื่อรวมจำนวนเสาสัญญาณของทรูและดีแทคแล้ว คาดว่าจะมีมากกว่า 49,800 สถานีฐาน ทำให้ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่พื้นที่ไหนในประเทศไทยก็สามารถใช้บริการได้อย่างครอบคลุม ลูกค้าดีแทคก็จะได้ใช้สัญญาณ 5G ของทรู ได้อีกด้วย

2. คลื่นที่ครบถ้วนในทุกย่านความถี่ ทำให้ลูกค้าสามารถใช้มือถือได้ทุกรุ่น รองรับทุกย่านความถี่ เริ่มตั้งแต่คลื่น 700 MHz มีทั้ง 2 ค่าย คลื่น 850 MHz ดีแทคสามารถใช้ของทรูได้ คลื่น 900, 1800, 2100 MHz มีทั้ง 2 ค่าย และลูกค้าทรูก็สามารถใช้คลื่นที่ทรูไม่มีเช่นคลื่น 2300 MHz ในขณะที่ดีแทคสามารถมาใช้คลื่น 2600 MHz 5G ของทรูได้ ดังนั้นลูกค้าจะได้ประโยชน์อย่างมากจากจำนวนคลื่นและแบนด์วิธที่มากขึ้น ทำให้ลูกค้าสามารถโทรโดยใช้มือถือได้ทุกรุ่น รองรับได้ทุกย่านความถี่

3. เพิ่มความสะดวกมากขึ้น โดยมีศูนย์ให้บริษัทหลังการควบรวมเพิ่มมากขึ้น ทำให้บริการหลังการขายสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น จำนวนร้าน สาขา ของทรู และ ดีแทค ทั่วประเทศ จะให้บริการลูกค้าได้อย่างไร้รอยต่อ และ นำมาต่อยอดบริการรูปแบบใหม่ ให้ลูกค้ามีความสะดวก และมี call center รวมสองค่ายมากกว่า 5,200 คน พร้อมให้บริการ 24 ชั่วโมง

4. ลูกค้าทั้ง 2 ค่ายจะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ดีและสิทธิพิเศษที่เพิ่มมากขึ้น อาทิเช่น ลูกค้าดีแทคสามารถใช้บริการห้องรับรอง VIP (True Sphere) และสิทธิประโยชน์จาก True Point ได้ ในขณะที่ลูกค้าทั้งทรูและดีแทค ได้รับสิทธิ์ทั้ง dtac reward และ True Privilege และที่ยอดเยี่ยมสำหรับลูกค้าดีแทคคือ สามารถใช้บริการ convergence อินเทอร์เน็ตบ้าน และ content ดี ๆ จาก TrueID และ TrueVisions

5. เมื่อทรูควบรวมกับดีแทค จะทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันใกล้เคียงกันกับเอไอเอส เมื่อผู้แข่งขันสองรายมีขีดความสามารถใกล้เคียงกัน จะทำให้เกิดการแข่งขันกันมากขึ้น ทำให้ลูกค้าได้โปรโมชั่นที่ถูกลง และมีข้อเสนอทางการตลาดที่ลูกค้าได้ประโยชน์มากยิ่งขึ้น

6. ลูกค้าไร้กังวลว่าหลังการควบรวมแล้วราคาจะสูงขึ้น แพคเกจที่ใช้อยู่สามารถใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง เพราะต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. อย่างเข้มงวดอยู่แล้ว และที่ผ่านมา กสทช. ก็ทำได้ดี ทำให้ไม่มีผู้เล่นรายใด สามารถปรับราคาได้เกินกว่าที่ กสทช. กำหนดไว้ และทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราค่าบริการต่ำสุดในโลก

7. การบริการต้นทุนของผู้ให้บริการหลังการควบรวมจะลดลง ทำให้ลูกค้าได้รับประโยขน์จากความคุ้มค่าของบริการที่ได้รับ จะทำให้มีเงินทุนไปพัฒนาบริการใหม่ๆ รองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่กำลังจะเข้ามาเช่น ดาวเทียม, Metaverse, Quantum รวมถึงรถยนต์ EV และ Smart City

8. ผู้เล่นในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมทุกรายปรับโครงสร้างเพื่อรองรับการลงทุนใหม่ เช่น CAT+ TOT = NT และการที่ AIS มีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น โดยมีการลงทุนใหม่โดยกัลฟ์ GULF เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และ ลงทุนเพิ่มในอนาคต ทำให้หลังการควบรวม TRUEและ DTAC ทำให้ผู้ประกอบการทุกรายมีความพร้อมในการแข่งขัน และ รัฐมีการปฏิบัติต่อผู้ประกอบการอย่างเท่าเทียม มิใช่กีดกันรายใดรายหนึ่ง

9. ผู้บริโภคสามารถใช้บริการของผู้ประกอบการดิจิทัลอย่างไม่สะดุด เช่น Facebook, Line, Netflix และอื่น ๆ ที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย โดยใช้เครือข่ายโทรคมนาคมเดิม ซึ่งต้องใช้ดาต้า เพิ่มขึ้นมหาศาล ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตใช้งานดาต้าเพิ่มขึ้นหลายเท่าทุกปี เพื่อให้บริการจากผู้เล่นดิจิทัลมีความต่อเนื่อง การควบรวมจะทำให้เกิดความแข็งแกร่งในการพัฒนาคุณภาพเครือข่าย รองรับการเติบโตของผู้ใช้ข้อมูลที่เพิ่มขึ้น

10. หลังการควบรวม ผู้เล่นทุกรายในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย พร้อมปรับตัวเข้าสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยี และเพิ่มขีดความสามารถที่จะแข่งกับผู้ประกอบการระดับโลก และสนับสนุนการลงทุนของ Tech Startup รุ่นใหม่ บริษัทจะมีความสามารถในการลงทุนเพิ่ม รองรับเทคโนโลยีใหม่ ทำให้ลูกค้าได้รับบริการดิจิทัลมากขึ้น เช่น บริการแพทย์ทางไกล การประชุมทางไกล การเข้าถึงคอนเทนต์ เพลง หนัง ระดับโลก ในราคาลดลง


ขอขอบคุณ – Sanook

รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก
facebook

#โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแท

Google เตรียมลบแอปล้าสมัยออกจาก Google Play Store

Google เตรียมลบแอปล้าสมัยออกจาก Google Play Store

Google ปรับกฎใหม่ เตรียมลบแอปล้าสมัยออกจาก Google Play Store โดย Google วางแผนที่จะล้างแอปที่ล้าสมัยทั้งหมดออกจาก Play Store ที่ไม่รองรับคุณสมบัติล่าสุด โดยซ่อนแอปล้าสมัยและบล็อกการติดตั้งบนอุปกรณ์หากแอปไม่รองรับระบบปฏิบัติการ Android ล่าสุด โดนจะมีผลตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2022 นี้ ทำให้ผู้ใช้ Android ที่มีซอฟต์แวร์ล่าสุดหรือสมาร์ทโฟนใหม่จะไม่พบหรือดาวน์โหลดแอปเก่าที่ล้าสมัย

Google ปรับกฎใหม่ เตรียมลบแอปล้าสมัยออกจาก Google Play Store
iT24Hrs

โดย Google Play มีนโยบายว่าแอพใหม่และแอพเดิมที่มีอัพเดต จะต้องตั้ง target API ตาม Android เวอร์ชันล่าสุดภายใน 1 ปีหลังจากออกเวอร์ชัน หากไม่ปฏิบัติตามกฎ จะไม่สามารถเผยแพร่แอปขึ้น Google Play ได้ แต่ไม่มีผลกับแอพเดิมที่อยู่บนสโตร์ และกฎใหม่ที่มีผลต่อแอปเดิมที่อยู่บนสโตร์ หากไม่ target API ตาม Android เวอร์ชันล่าสุดภายใน 2 ปี หลังออกเวอร์ชั่น จะค้นหาไม่เจอและไม่สามารถติดตั้งแอปได้อีก ส่วนผู้ใช้แอปเดิมก่อนหน้านี้ยังใช้ต่อไปได้ มีผลตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2022 เป็นต้นไป

Google ปรับกฎใหม่ เตรียมลบแอปล้าสมัยออกจาก Google Play Store
Image : Google

หากคุณยังไม่ทราบ แอปและเกม Android สร้างขึ้นด้วยสองเวอร์ชันที่แตกต่างกัน ระดับ API ขั้นต่ำ และระดับ API เป้าหมาย ระดับ API ขั้นต่ำคือแอปเวอร์ชันเก่าที่สุดที่ใช้งานได้ และระดับ API เป้าหมายคือระดับล่าสุดที่สร้างขึ้น

นักพัฒนาแอพทั้งหมดควรรักษาระดับ API เป้าหมายให้ใกล้เคียงกับ Android เวอร์ชันล่าสุดหรือเวอร์ชันล่าสุด อนุญาตให้แอปใช้คุณสมบัติการพัฒนาล่าสุด เท่านั้น

จากข้อมูลของ Google การเปลี่ยนแปลงกฎครั้งนี้  ช่วยปกป้องผู้ใช้จากการติดตั้งแอปเก่าที่ไม่มีการป้องกันความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของระบบปฏิบัติการ เข้าถึงแอพใหม่ๆที่ดึงศักยภาพของระบบ Android ได้อย่างเต็มที่

ขอขอบคุณ – it24hrs

รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก
facebook

#โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแท

เปิดตัว Samsung Galaxy M53 : จอ Super AMOLED Plus, กล้อง 108 ล้านพิกเซล

เปิดตัว Samsung Galaxy M53 : จอ Super AMOLED Plus, กล้อง 108 ล้านพิกเซล

ก่อนหน้านี้ Samsung ได้เปิดตัว Galaxy M53 5G ไปเมื่อเดือนเมษายน 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งมาพร้อมกล้องความละเอียด 108 ล้านพิกเซล, จอ Super AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ระดับ 120 Hz

ล่าสุด Samsung ก็ได้เปิดตัว Galaxy M53 เวอร์ชันมาตรฐาน แต่มิใช่การปรับลดสเปกมาจาก Galaxy M53 5G โดยเป็นเวอร์ชันราคาประหยัดของ Galaxy A73 5G ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนเมษายน 2022 ที่ผ่านมาเช่นกัน

Samsung Galaxy M53
Samsung Galaxy M53
Samsung Galaxy M53

สเปกที่น่าสนใจของ Galaxy M53

  • หน้าจอ : Super AMOLED Plus ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด Full HD+, เฟรชเรต 120 Hz
  • ชิปเซต : MediaTek Dimensity 900 ระดับ 6 นาโนเมตร, ความเร็วสูงสุด 2.4 GHz
  • แรม/สตอเรจ : 6/128 GB
  • กล้องหลัง : 108 ล้านพิกเซล (หลัก, f/1.8) + 8 ล้านพิกเซล (Ultrawide) + 2 ล้านพิกเซล (Macro) + 2 ล้านพิกเซล (เซนเซอร์วัดระยะ)
  • กล้องหน้า : 32 ล้านพิกเซล
  • แบตเตอรี่ 5,000 mAh, รองรับชาร์จไฟระดับ 25 W
  • การเชื่อมต่อ Wi-Fi 5 (ac) และ Bluetooth 5.2
Samsung Galaxy M53
Samsung Galaxy M53

ในขณะนี้ Samsung ยังมิได้เปิดเผยว่า Galaxy M53 จะมีราคาเท่าไร และจะวางจำหน่ายที่ประเทศใดบ้าง
.
.
.
ขอขอบคุณ – Sanook

รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก
facebook

#โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแท

รวมวิธีอัปเดตเบอร์มิจฉาชีพ เพื่อป้องกันการถูกหลอกในอนาคต

รวมวิธีอัปเดตเบอร์มิจฉาชีพ เพื่อป้องกันการถูกหลอกในอนาคต

ทุกวันนี้การโทรหลอกลวงของกลุ่มมิจฉาชีพ โทรหลอกลวงว่าเป็นหลายๆ บริษัทซึ่งบางคนก็หลงเชื่อทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากที่เกิดขึ้น แต่วิธีเหล่านี้จะแก้ไขได้นอกจากไม่รับสายแล้ว การใช้โปรแกรมแจ้งเตือนว่าใครโทรมาก็มีผล

istock-1215933159

แต่โปรแกรมเหล่านี้จะต้องมีการอัปเดตฐานข้อมูลเรื่อยๆ จะต้องทำอย่างไร วันนี้เราจะมาบอกวิธีอัปเดตเบอร์ไม่พึงประสงค์เหล่านั้นให้ลองทำกัน

who1
  • ขั้นตอนง่ายๆ แค่เปิด Application Whocall ขึ้นมา
  • จากนั้นกดปุ่มที่การป้องกัน ระบบจะแสดงผลว่ามีกี่เบอร์ที่แจ้งเตือน
  • จากนั้นอัปเดต
who2

ส่วนวิธีการเพิ่มเบอร์นั้น เราจำเป็นจะต้องเอาเบอร์ดังกล่าวเข้าระบบของรายชื่อมือถือ จากนั้นเข้าไปที่ Application Whocall แล้วเลือกไปที่เบอร์ที่เราต้องการจะรายงาน > จากนั้นกดปุ่มรายงาน เข้าเป็นอะไร > กดรายงาน เท่านั้น ระบบจะนำข้อมูลไปตรวจสอบและจดบันทึกต่อไป

s__7512067

การทำแบบนี้จะทำให้จะทำให้ระบบของข้อมูลในการ Apps แจ้งเตือนแบบนี้ก็ทำให้มีการแจ้งเตือนได้ทันก่อนที่จะตกเป็นเหยื่อได้

ขอขอบคุณ – Sanook

รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก
facebook

#โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแท

เว็บดังเผยผลทดสอบสมาร์ตโฟนชิป Dimensity 9000

เว็บดังเผยผลทดสอบสมาร์ตโฟนชิป Dimensity 9000

AnTuTu แพลตฟอร์มทดสอบประสิทธิภาพสมาร์ตโฟนระบบ Android ได้เปิดเผยผลการทดสอบประจำเดือนมีนาคม 2022 ซึ่งปรากฏว่าสมาร์ตโฟนที่ได้รับการติดตั้งชิปเซตระดับพรีเมียมอย่าง Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 และ MediaTek Dimensity 9000 มีีคะแนนที่ใกล้เครียงกัน

เริ่มต้นกันที่สมาร์ตโฟนระดับเรือธงที่ติดตั้ง Snapdragon 8 Gen 1 ได้ครอง 3 อันดับแรก นั่นคือ Red Magic 7 Pro, iQOO 9 (เวอร์ชันประเทศจีน) และ iQOO 9 Pro

AnTuTu

ตามมาด้วยสมาร์ตโฟนเรือธงที่ติดตั้งชิปเซต Dimensity 9000 ที่ทำคะแนนตามมาติด ๆ ในอันดับที่ 4 และ 6 นั่นคือ Redmi K50 Pro (จำหน่ายทั่วโลกในชื่อ Poco F4) และ Oppo X5 Pro ตามลำดับ ส่วนสมาร์ตโฟนรุ่นอื่นใน 10 อันดับแรกนี้ได้รับการติดตั้งชิปเซต Snapdragon 8 Gen 1

ทาง AnTuTu ได้ชื่นชม Red Magic 7 Pro ที่เป็นสมาร์ตโฟนเกมมิงระดับพรีเมียมว่ามีระบบรายบายความร้อนที่ยอดเยี่ยมมาก

เมื่อแยกออกมาเป็นช่วงราคาแล้วนั้น สมาร์ตโฟนระดับกลางที่มีราคาในช่วง 2,000 หยวน หรือประมาณ 10,500 บาท ที่ทำคะแนนได้สูงสุดยังคงติดตั้งชิปของ Qualcomm มากกว่ากว่า MediaTek เช่นกัน โดยอันดับที่ 1 คือ Moto Edge S30 (Snapdragon 888+) ตามาด้วย Realme GT 5G (Snapdragon 888) ในอันดับที้ 2 และ Realme GT Neo2T (Dimensity 1200) อยู่ในอันดับที่ 3

AnTuTu

AnTuTu ยังได้เปิดเผยรายชื่อของสมาร์ตโฟนประสิทธิภาพสูงที่มีราคาในช่วง 2,000 – 3,000 หยวน หรือประมาณ 10,500 – 15,700 บาท ปรากฏว่า Moto Edge X30 (Snapdragon 8 Gen 1) ทำคะแนนได้สูงสุด ตามมาด้วย Redmi K50 (Dimensity 8100) และ Redmi K50 Pro (Dimensity 9000) ในอันดับที่ 2 และ 3 ตามลำดับ

AnTuTu

สำหรับสมาร์ตโฟนประสิทธิภาพสูงในช่วงราคา 3,000 – 4,000 หยวน หรือประมาณ 15,700 – 21,000 บาทนั้น Redmi K50 Gaming ทำได้สูงสุด ตามมาด้วย Realme GT2 Pro และ Nubia Z40 Pro ซึ่งทั้ง 3 รุ่นนั้นล้วนแล้วแต่ติดตั้งชิป Snapdragon 8 Gen 1 ด้วยกันทั้งสิ้น

AnTuTu

และสำหรับสมาร์ตโฟนที่มีช่วงราคา 4,000 – 5,000 หยวน หรือประมาณ 21,000 – 26,200 บาทนั้น ปรากฏหว่า Red Magic 7 Pro ทำได้สูงสุด ตามด้วย Xiaomi 12 Pro และ iQOO 9 Pro ซึ่งล้วนแล้วแต่ใช้ชิปเซต Snapdragon 8 Gen 1 ด้วยกันทั้งสิ้น

AnTuTu

ขอขอบคุณ – Sanook

รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก
facebook

#โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแท