LINE เดินหน้าตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ดิจิทัลของคนไทย ปล่อยภาพยนตร์โฆษณาใหม่ “Life on LINE” ขยายภาพแพลตฟอร์มยืนหนึ่ง

LINE เดินหน้าตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ดิจิทัลของคนไทย ปล่อยภาพยนตร์โฆษณาใหม่ “Life on LINE” ขยายภาพแพลตฟอร์มยืนหนึ่ง

LINE ประเทศไทย เดินหน้าตอบโจทย์การเชื่อมโยงทุกไลฟ์สไตล์ดิจิทัลของคนไทยเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ “Life on LINE” นำเสนอภาพการใช้ชีวิตของคนไทยอย่างมีมิติและสีสัน ในยุคต่อจากนี้ การันตีด้วยความไว้วางใจของผู้ใช้งานทั่วไทยกว่า 50 ล้านราย ตอกย้ำการเป็นแพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานเพื่อไลฟ์สไตล์ดิจิทัลของผู้บริโภคยุค Now Normal ชีวิตวิถีใหม่ของวันนี้ที่มองหาความสะดวกและประสบการณ์แบบครบถ้วนในที่เดียว

พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE ประเทศไทย “จากการที่ LINE ประเทศไทยมีผู้ใช้งานครบ 50 ล้านรายนั้นได้แสดงถึงความไว้วางใจของผู้ใช้ทั่วไทยที่มีต่อแพลตฟอร์ม LINE ในการเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน ทั้งด้านการสื่อสาร ความบันเทิง ช้อปปิ้ง ขายของออนไลน์ไปจนถึงไลฟ์สไตล์ในด้านต่างๆ สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงทักษะในการเป็น ‘พลเมืองดิจิทัล’ ที่เข้าถึงและใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการดำเนินชีวิตได้อย่างอิสระและเท่าเทียม ท่ามกลางข้อจำกัดและสิ่งแวดล้อมที่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา สอดคล้องกับแนวคิด Life on LINE ของแพลตฟอร์มที่ต้องการเชื่อมโยงไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้เข้าด้วยกันบนแพลตฟอร์ม LINE เป็นไปตามแนวโน้มผู้บริโภคยุคนาว นอร์มอล (Now Normal) ชีวิตวิถีใหม่ของวันนี้ ที่มองหาประสบการณ์ไลฟ์สไตล์แบบครบถ้วนจบในที่เดียว”

พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา

ชมคลิป CEO LINE ประเทศไทยขอบคุณ 50 ล้านผู้ใช้พร้อมฝากถึงภาพยนตร์โฆษณาใหม่ Life on LINE : https://lin.ee/s5KaSu2/wcvn/PRCEOspeech/LOL

ชาญวุฒิ ลือชัยสิทธิ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด LINE ประเทศไทย “ภาพยนตร์โฆษณาชุด Life on LINE นี้ เป็นการแสดงถึงความสำเร็จของแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ดิจิทัลของยุค Now Normal ด้วยการขยายภาพวิสัยทัศน์ของ LINE ผ่านทุกจังหวะการใช้ชีวิตบนแพลตฟอร์ม LINE ของคนยุค Now Normal ออกมาอย่างเป็นรูปธรรม ชัดเจนและเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชีวิตประจำวัน การซื้อขายของออนไลน์ การติดต่อสื่อสารเชื่อมโยงกับทุกเจน และสนุกไปกับเรื่องราวของโลกรอบตัวที่เกิดขึ้นได้พร้อม ๆ กัน ซึ่งชีวิตในแบบ Life on LINE ไม่ได้หมายถึงการใช้ชีวิตอยู่แค่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ แต่เป็นการที่ผู้ใช้รู้จักและสามารถใช้แพลตฟอร์ม LINE อำนวยความสะดวกในการผสมผสานการใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์และโลกออฟไลน์ได้อย่างไร้รอยต่อเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตไปอีกขั้น”

ชาญวุฒิ ลือชัยสิทธิ์

จากแอปพลิเคชันสื่อสารสู่แพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานเพื่อไลฟ์สไตล์ดิจิทัลที่คนไทยเลือกใช้เป็นอันดับหนึ่ง จึงทำให้ภาพยนตร์โฆษณาชุด Life on LINE นี้ สามารถสื่อแนวคิดข้างต้นออกมาได้อย่างชัดเจนผ่านไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ทุกเพศ ทุกวัย ด้วยบริการบนแพลตฟอร์ม LINE  ที่พร้อมรองรับทุกช่วงเวลา

ขอขอบคุณ – mxphone

รวมเหตุผลที่ทำไมการหลอกลวงทางโทรศัพท์ ยังคงมีอยู่ และจัดการอย่างไรดี?

รวมเหตุผลที่ทำไมการหลอกลวงทางโทรศัพท์ ยังคงมีอยู่ และจัดการอย่างไรดี?

ปัญหาหนึ่งของการใช้งานมือถือทุกวันนี้คือ เบอร์โทรศัพท์ที่โทรเข้ามาที่เราไม่รู้จักมักจะมีมากขึ้นทำให้เกิดปัญหาเรื่องของการถูกหลอกลวง และมักจะได้รับ SMS อ้างเป็นธนาคารหรือจะบอกว่าเงินเข้าแล้วทำให้หลายคนนั้นเกิดเรื่องมากมาย

ในประเทศอังกฤษมีการรายงาน น่าสุดชี้ให้เห็นว่า ในช่วงเดือนธันวาคม 2020 – มีนาคม 2021 มีการฉ้อโกงทางโทรศัพท์และข้อความในประเทศอังกฤษ เวลส์ และ ไอร์แลนด์ เพิ่มขึ้น 83% เมื่อขึ้นจากปีก่อน

istock-1344435806

นอกจากนี้ในเรื่องของอาชญากรรมทางไซเบอร์ระดับประเทศของสหราชอาณาจักร ก็พบในเรื่องจองโจมตี และ ฉ้อโกงทุกประเภท แบะทำให้เกิดการแจ้งเตือนเรื่องของการรับข้อความต่างๆ รวมถึงการส่งพัสดุปลอมมากขึ้น ซึ่งวิธีการเท่าที่ได้จะป้องกันนั้นสามารถทำได้คือ

  • ลงโปรแกรมมือถือที่จะแจ้งเตือนข้อความหรือ เบอร์โทรศัพท์ ว่าเบอร์นั้นเป็นใครเช่น true caller หรือ Who Call ก็ได้เช่นเดียวกัน
  • ถ้าเกิดข้อความที่เป็นชื่อธนาคาร ลองโทรไปรายงานกับ Callcenter ของธนาคาร
  • อย่ากดลิงค์ใน SMS ที่เราไม่รู้จักเด็ดขาดเพราะแค่กดลิงค์เหล่านี้ รวมถึงเครื่องของคุณได้และทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยบน Social Network
  • พยายามใช้ระบบรหัสแบบ Two factor authentication เมื่อมีการเข้าระบบจะมีการต้องได้รับข้อความ SMS เพื่อป้องกันอีกชั้นหนึ่ง สำหรับ email เป็นต้น
  • อีเมลไหนไม่คุ้นเคย แนะนำให้เลือกเมลนั้นไปอยู่ในกลุ่ม Spam mail ครับ

แค่นี้ก็สามารถป้องกันกลุ่มพวกหลอกลวงผ่าน SMS หรือการโทรศัพท์แบบง่ายๆ เท่านั้นเองครับ

ขอขอบคุณ – sanook.com

Huawei เปิดตัว Matebook 14s สเปกเครื่องใหม่พร้อมกับหน้าจอ 14.2 นิ้ว บนขุมพลัง Intel Gen 11

Huawei เปิดตัว Matebook 14s สเปกเครื่องใหม่พร้อมกับหน้าจอ 14.2 นิ้ว บนขุมพลัง Intel Gen 11

Huawei MateBook 14s มีจุดเด่นมากมายเริ่มตั้งแต่ ขนาดหน้าจอ 14.2 นิ้วความละเอียด 2.5K FullView Display รองรับค่า Refresh Rate 90Hz ทำงานได้เร็วผ่านปุ่ม FN+P

บอดี้ของเครื่องทำจากอะลูมิเนียมอัลลอย น้ำหนัก 1.43 กิโลกรัม พร้อมกับความบางเพียง 16.7 มิลลิเมตร พร้อมกับขุมพลัง Intel Core i5 11300H และ Intel Core i7 11370H แบบ 4 Core 8 Thread พร้อมกับการ์ดจอ Iris Xe มาพร้อมกับ RAM 8GB แบบ LPDDR4X Dual Channel รุ่นสูงสุดอยู่ที่ 16GB และ SSD ขนาด 512GB รุ่นสูงสุดมีความจำขนาด 1TB ด้วยกัน

mate14s

ช่องเสียบของ USB-C ของเครื่องจะมาพร้อมกับ 2 ช่องพร้อมกับ HDMI, ช่องเสียบหูฟังแบบ Combo Port และยังมี USB-A อีก 2 ช่องทางข้างขวา พร้อมกับ Wi-Fi 6 (AX) และรองรับเทคโนโลยี Bluetooth 5.1 มาให้ ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 11 และมีโปรแกรมเชื่อมต่อผ่าน Tablet อย่าง HarmonyOS 2.0

ส่วนปุ่มพิมพ์นั้นมีการเปลี่ยนแปลงโดยมีปุ่มได้กดทั้งหมด 3 ระดับด้วยกันสามารถกดได้ดี แถมยังสลับไปยังมือถือ หรือ Tablet ได้ด้วย นอกจากนี้ลำโพงของเครื่องมีการติดตั้งทั้งหมด 4 จุดให้เสียงที่ดังมาก และยังมีไมโครโฟนที่มีการจะดการเรื่อง Noise และสามารถเก็บรายละเอียดเสียงได้ดี

mate6

แบตเตอรี่ภายในมีขนาด 60Wh รองรับกำลังชาร์จไฟ 90W พร้อมกับ USB-C เช่นเดียวกัน ตัวเครื่องมีให้เลือกทั้งสี Spruce Green และ Space Gray โดยมีราคาดังนี้

  • Huawei MateBook 14s Intel Core i5, RAM 16GB / SSD 512GB = 7,000 หยวน = 36,xxx บาท
  • Huawei Matebook 14s Intel Core i7 RAM 16GB / SSD 512GB = 8,000 หยวน = 41,xxx บาท

และคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายในเอเชียและยุโรปพร้อมกัน 27 ตุลาคม ที่กำลังจะถึงนี้

ขอขอบคุณ – Sanook

Apple ประกาศความพร้อมในการวางจำหน่าย Apple Watch Series 7

Apple ประกาศความพร้อมในการวางจำหน่าย Apple Watch Series 7

วันนี้ Apple ประกาศความพร้อมในการวางจำหน่าย Apple Watch Series 7 ที่มาพร้อมจอภาพ Apple Watch ที่ใหญ่และล้ำหน้าที่สุดเท่าที่เคยมีมา และจอภาพ Retina แบบติดตลอดที่ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมขึ้นมาใหม่ให้มีพื้นที่หน้าจอเพิ่มขึ้นและขอบที่แคบลงอย่างเห็นได้ชัด โดยลูกค้าสามารถสั่งซื้อได้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป และจะเริ่มวางจำหน่ายในร้านค้าในเร็วๆ นี้

apple_watch-series7-availabil_1

ดีไซน์ของ Apple Watch Series 7 ได้รับการปรับแต่งให้สวยงามขึ้นด้วยขอบที่โค้งมนและดูนุ่มนวลกว่าเดิม พร้อมจอภาพที่มีการหักเหแสงที่บริเวณขอบอย่างเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งทำให้หน้าปัดแบบเต็มหน้าจอและแอปต่างๆ ดูกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับความโค้งมนของตัวเรือน ขอบที่แคบลงของ Apple Watch Series 7 มีความหนาเพียง 1.7 มม. เท่านั้น จึงทำให้พื้นที่บนหน้าจอเพิ่มขึ้น

apple_watch-series7-availabil_2

โดยที่ขนาดของนาฬิกาแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงเลย Apple Watch Series 7 ยังมาพร้อมอินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่ปรับให้เหมาะกับจอภาพที่ใหญ่ขึ้น คีย์บอร์ดแบบ QWERTY ใหม่ พร้อมหน้าปัดนาฬิกาที่โดดเด่นสองรูปแบบ ได้แก่ Contour และ Modular Duo ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับอุปกรณ์ใหม่นี้ แบตเตอรี่ยังคงใช้งานได้ยาวนานตลอดวันถึง 18 ชั่วโมงเช่นเคย1 และวันนี้ ยังมาพร้อมการชาร์จที่เร็วขึ้นถึง 33% ด้วย

Apple Watch Series 7 ซึ่งมีวางจำหน่ายในขนาด 41 มม. และ 45 มม. เป็น Apple Watch ที่ทนทานที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยด้านหน้าแบบคริสตัลที่แข็งแกร่งขึ้นและทนการแตกร้าวได้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังเป็น Apple Watch รุ่นแรกที่ได้รับการรับรองการทนฝุ่นที่ระดับ IP6X และยังคงทนน้ำในระดับ WR50 ได้เช่นเดิม

apple_watch-series7-availabil_3

Apple Watch Series 7 มาพร้อมตัวเรือนอะลูมิเนียมอันสวยงามในห้าสีใหม่ ได้แก่ สีมิดไนท์, สีสตาร์ไลท์, สีเขียว สีน้ำเงินใหม่ และรุ่น (PRODUCT)RED ใหม่ พร้อมด้วยสายนาฬิกาในหลากหลายสีสันและสไตล์ รุ่นตัวเรือนสแตนเลสสตีลมีวางจำหน่ายในสีเงิน สีกราไฟต์ และสีทอง พร้อมด้วย Apple Watch Edition ตัวเรือนไทเทเนียมสีธรรมชาติและสีดำสเปซแบล็ค

apple_watch-series7-availabil_4
apple_watch-series7-availabil_5
apple_watch-series7-availabil_6

Apple Watch Nike และ Apple Watch Hermès ก็เปิดตัวสายนาฬิกาและหน้าปัดใหม่เช่นเดียวกัน ขณะที่ Apple Watch SE และ Apple Watch Series 3 ยังคงวางจำหน่ายในสีเดิม

apple_watch-series7-availabil_7

Apple Watch Hermès พร้อมสายแบบ Gourmette Double Tour ที่ทำจากหนัง Barénia สี Fauve

apple_watch-series7-availabil_8

watchOS 8 ช่วยให้ผู้ใช้มีสุขภาพแข็งแรง แอ็คทีฟ และต่อติดกับทุกเรื่องอยู่เสมอด้วยการออกกำลังกายประเภทใหม่ แอปทำสมาธิใหม่ คุณสมบัติการช่วยการเข้าถึงสุดล้ำ การเข้าออกสถานที่และการเข้าถึงบริการต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้นด้วยแอปกระเป๋าสตางค์ของ Apple และความสามารถอื่นๆ ของแอปบ้าน พร้อมด้วยการเสริมประสิทธิภาพให้กับแอปข้อความและแอปรูปภาพ

apple_watch-series7-availabil_9

เลือกซื้อกับ Apple โดยตรง ร้านค้าออนไลน์แบบใหม่หมดจะทำให้การช้อปปิ้งออนไลน์กับ Apple online หรือการซื้อภายในร้านง่ายดายกว่าที่เคย ไม่ว่าลูกค้าจะต้องการความช่วยเหลือแบบส่วนตัวหรือคำแนะนำจาก Apple Specialist ต้องการใช้ประโยชน์จากการจัดส่งและรับสินค้าอันสะดวกสบาย การสลักข้อความฟรี หรือมูลค่าในการแลกซื้อที่ยอดเยี่ยม สถานที่ที่ดีที่สุดในการซื้อผลิตภัณฑ์ Apple ก็คือที่ Apple และเมื่อลูกค้าซื้อจาก Apple ลูกค้าสามารถผสมผสานตัวเรือนและสายได้ตามใจชอบ เพื่อสร้างลุคที่โดดเด่นไม่ซ้ำใครกับ Apple Watch Studio อีกด้วย สายแบบ Solo Loop และ Braided Solo Loop จะวางจำหน่ายเฉพาะที่ Apple เท่านั้น ราคาและความพร้อมในการวางจำหน่าย

  • ลูกค้าในออสเตรเลีย, แคนาดา, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อินเดีย, ญี่ปุ่น, เม็กซิโก, รัสเซีย, เกาหลีใต้, สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์, สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นๆ อีกกว่า 50 ประเทศและภูมิภาคจะสามารถสั่งซื้อ Apple Watch Series 7 ได้ตั้งแต่เวลา 19.00 น. ในวันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม และจะเริ่มวางจำหน่ายในร้านค้าในเร็วๆ นี้
  • ราคาของ Apple Watch Series 7 เริ่มต้นที่ 13,900 บาท, Apple Watch SE เริ่มต้นที่ 9,900 บาท, และ Apple Watch Series 3 เริ่มต้นที่ 6,900 บาท
  • Apple Watch Series 7 มีวางจำหน่ายที่ apple.com/th/store และแอป Apple Store รวมทั้งตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Apple และผู้ให้บริการเครือข่ายบางราย

ขอบคุณ – Sanook

เริ่มวันนี้! เป๋าตัง เชื่อมฟู้ดดีลิเวอรี่ “LINE MAN-Grab” หนุนใช้จ่าย คนละครึ่ง

เริ่มวันนี้! เป๋าตัง เชื่อมฟู้ดดีลิเวอรี่ “LINE MAN-Grab” หนุนใช้จ่าย คนละครึ่ง

กรุงไทย ขยายศักยภาพแอป “เป๋าตัง” ยกระดับบริการ เชื่อมระบบสั่งอาหารผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดดีลิเวอรี่ ผ่านโครงการคนละครึ่ง เริ่มวันนี้ ด้าน “LINE MAN-Grab” อัดแคมเปญลดค่าอาหารสูงสุด 60% บรรเทาภาระประชาชน

วันที่ 4 ตุลาคม 2564 นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารมุ่งมั่นพัฒนาแอปพลิเคชั่นเป๋าตังให้เป็น Thailand Open Digital Platform ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจร พร้อมเปิดกว้างจับมือกับพันธมิตรทุกกลุ่ม ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาบริการต่าง ๆ ให้ครอบคลุมทุกกิจกรรมในชีวิตของลูกค้าประชาชน ทั้งการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ด้านสุขภาพ การศึกษา การออมและการลงทุน รวมถึงการบริการต่าง ๆ ของภาครัฐ ปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่า 33 ล้านคน

ล่าสุด ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงการคลัง ในการขับเคลื่อนโครงการคนละครึ่ง ธนาคารได้ขยายศักยภาพของแอปเป๋าตัง ให้สามารถรองรับการใช้จ่ายในการสั่งอาหารและเครื่องดื่มผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดดีลิเวอรี่ 2 รายใหญ่ คือ แกร็บ (Grab) และไลน์แมน (LINE MAN) โดยการใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป

เพิ่มความสะดวกในการใช้งานให้ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ ลดค่าใช้จ่ายในการครองชีพ และตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนไทยที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะในช่วง Work From Home ที่ประชาชนส่วนใหญ่ใช้บริการสั่งอาหารและเครื่องดื่มผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดีลิเวอรี่มากขึ้น เพื่อเว้นระยะห่างทางสังคม ลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโควิด-19

ทั้งนี้ การเชื่อมแอปเป๋าตัง กับแพลตฟอร์มฟู้ดดีลิเวอรี่ เป็นมิติใหม่ของการเชื่อมต่อแพลตฟอร์มพันธมิตรระดับชั้นนำของประเทศ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าประชาชนผู้ใช้งาน พร้อมสนับสนุนและช่วยเหลือร้านค้าขนาดเล็ก ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญของการจ้างงานและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ สร้างโอกาสเพิ่มช่องทางการขายและโปรโมตให้กับร้านค้าต่าง ๆ ทำให้ลูกค้าเข้าถึงร้านค้าได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น

โดยที่เม็ดเงินในโครงการยังคงไปที่ร้านค้าต่าง ๆ เพราะเป็นเงินช่วยในส่วนค่าอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น ไม่ร่วมค่าส่ง จึงช่วยเพิ่มยอดขายและรายได้ให้ผู้ประกอบการร้านอาหารรายเล็กรายน้อยโดยตรง สามารถประคับประคองกิจการให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้

นายยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai เปิดเผยว่า หลังจากที่ LINE MAN ได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการจากกระทรวงการคลัง ทีมงานได้ดำเนินการยกเครื่องเชื่อมระบบหลังบ้านระหว่างแอป LINE MAN และแอปเป๋าตังอย่างไร้รอยต่อ ให้ผู้ใช้สั่งอาหารได้ง่ายและจ่ายง่ายกว่าเดิม โดยสามารถกดจ่ายผ่านแอปเป๋าตังได้เลยทันที เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นที่สุดในการสั่งอาหาร

นอกจากนี้ยังได้เตรียมแคมเปญกระตุ้นตลาดครั้งใหญ่ “คุ้มคนละชั้น สั่งคนละครึ่ง” ทั้งส่วนลดค่าอาหารเพิ่มเติม โค้ดฟรีค่าส่ง และอีกมากมาย เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคและกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม โดยทั้งหมดนี้ LINE MAN ได้ทุ่มเทกำลังเพื่อตอกย้ำภาพความเป็นเบอร์ 1 ในการใช้จ่ายคนละครึ่งผ่านดีลิเวอรี่

ดร.เก่งการ เหล่าวิโรจนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า Grab รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งในการเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งในครั้งนี้ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปได้ จึงได้มีการจัดแคมเปญล่าสุด “แกร็บฟู้ด สั่งเถิดชาวไทย” ที่มอบส่วนลดสูงสุด 60% จากร้านค้าทั่วไทยที่เข้าร่วมแคมเปญรวมทั้งสิ้นกว่า 20,000 ดีล ตั้งแต่วันนี้จนถึง 24 ตุลาคม 2564 เพื่อเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับคนไทย

พร้อมยังได้มีมาตรการสนับสนุนร้านค้า ด้วยการปรับค่าคอมมิสชั่นในอัตราพิเศษสูงสุดไม่เกิน 20% ให้กับร้านค้าที่ร่วมโครงการคนละครึ่ง ไปจนถึง 31 ธันวาคม 2564 ทั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการร่วมมือกันในครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคออกมาจับจ่ายใช้สอย และส่งเสริมเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศให้ดียิ่งขึ้น


ขอขอบคุณ – prachachat