เด็กไทยไม่แพ้ใครในโลก!! บุรีรัมย์ อีสปอร์ต ตัวแทนจากไทยคว้าแชมป์โลก RoV รับเงินรางวัล 13.3 ล้านบาท

เด็กไทยไม่แพ้ใครในโลก!! บุรีรัมย์ อีสปอร์ต ตัวแทนจากไทยคว้าแชมป์โลก RoV รับเงินรางวัล 13.3 ล้านบาท

การแข่งขันกีฬาอีสปอร์ต เกม RoV รายการชิงแชมป์นานาชาติ Arena of Valor International Championship หรือ AIC 2021 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม รอบแกรนด์ไฟนอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีสปอร์ตส์ จากประเทศไทย พบกับ วี เกมมิ่ง จากเวียดนาม

โดยคู่นี้ทีมตัวแทนจากไทยเริ่มต้นได้ดี ออกนำไปก่อนในเกมแรก 1-0 เกม แต่หลังจากนั้นเป็นฝั่ง วี เกมมิ่ง ที่กลับมาเล่นได้ตามฟอร์มเก่งของตัวเอง แซงนำ 3-1 เกม ต้องการอีกเกมเดียวเพื่อเป็นแชมป์

อย่างไรก็ตามในเกมที่ 5 ฝั่งปราสาทสายฟ้ายังฮึดสู้ไม่ยอมแพ้ และไล่ตีตื้นขึ้นมาเป็น 2-3 เกม ก่อนจะสานต่อความแรงของตัวเองได้ในเกมถัดมา ไล่ตีเสมอ 3-3 เกม ต้องไปตัดสินตำแหน่งแชมป์กันในเกมที่ 7 ซึ่งจะเป็นการรีเซ็ต Pick/Ban ทั้งหมด

ขอขอบคุณ – Matichon

รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก

เช็คด่วน! Google Play Store พบแอปพลิเคชันแฝงไวรัส ถ้ามีอยู่ในเครื่องรีบลบ

เช็คด่วน! Google Play Store พบแอปพลิเคชันแฝงไวรัส ถ้ามีอยู่ในเครื่องรีบลบ

นักวิจัยความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity researcher) จาก Pradeo ได้อัปเดตบทความระบุแอปพลิเคชันมือถือบน Google Play Store ที่มีมัลแวร์โจ๊กเกอร์ (Joker Malware) ติดมาด้วย โดยแอปพลิเคชัน Color Message เป็นแอปพลิเคชันล่าสุดที่ถูกตรวจพบ!

Color Message เป็นแอปพลิเคชันที่อนุญาตให้คนปรับแต่งข้อความ SMS ตามความชอบของผู้ใช้ โดยมีผู้ใช้ Android ที่ดาวน์โหลดไปมากถึง 500,000 ครั้ง และบางคนได้ค้นพบจุดประสงค์ของผู้พัฒนาที่แท้จริงแล้ว แม้อาจจะสายเกินไป

เป้าหมายของ Joker คือกลุ่มผู้ที่กด Subscribe ของแอป และแอบสมัครบริการต่าง ๆ โดยจำลองการคลิกและแทรกข้อความ SMS ต่างๆ ทั้งยังสามารถโขมยข้อมูลจาก SMS ทั้งเนื้อหา รายการผู้ติดต่อ และข้อมูลของอุปกรณ์ได้อีกด้วย

Pradeo อธิบายว่า Joker เป็นมัลแวร์ที่สามารถตรวจพบได้ยาก เพราะมันใช้โคดเพียงเล็กน้อยและแอบแฝงตัวอย่างมิดชิด ทั้งตัวแอป Color Message ยังถูกลบออกได้ยากเพราะมันสามารถซ่อนไอคอนตนเองหลังจากการติดตั้งได้อีกด้วย

ตัวอย่างการรีวิวจากผู้ใช้จะเห็นได้ว่า มีคนที่โดนหลอกโขมยเงินจากแอปดังกล่าวแล้ว และได้พยายามแจ้งเตือนผู้ใช้คนอื่น ๆ ว่าอย่าโหลดแอปพลิเคชันดังกล่าว

ล่าสุด Google ได้ลบ Color Message ทิ้งไปแล้ว และแนะนำให้คนที่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันนี้รีบถอนการติดตั้งให้เร็วที่สุด!

Joker เป็นมัลแวร์ที่แฝงตัวอยู่ในแอปใน Play Store หลายร้อยแอปตลอดหลายปีที่ผ่านมา และตัวอย่างแอปที่ถูกค้นพบว่ามีมัลแวร์ดังกล่าวนั้นได้แก่ แอป Squid Game ของปลอม (fake Squid Game) ที่มีผู้ใช้ดาวน์โหลดไปหลายพันครั้ง

ขอขอบคุณ – Sanook

รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก

เปิดสเปค Samsung Galaxy Tab S8 Ultra ตัวท็อปของ Tablet ก่อนเปิดตัวในปี 2022

เปิดสเปค Samsung Galaxy Tab S8 Ultra ตัวท็อปของ Tablet ก่อนเปิดตัวในปี 2022

ใกล้แล้วที่ Samsung Galaxy Tab S8 Series จะเผยโฉม ถือว่าเป็น Tablet ที่ดีที่สุดของ Samsung โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจโดยเฉพาะตัวท็อปอย่าง Tab S8 Ultra เป็นต้น ล่าสุดมีสเปกของเครื่องมีอยู่ที่ 14.6 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ 2960×1848 พิกเซล ใช้ Panel แบบ Super AMOLED พร้อมกับ Refresh Rate 120Hz

tabs8u_3

ความบางของเครื่องอยู่ที่ 6.3 มิลลิเมตร กล้องหน้าติดตั้งมาให้ทั้ง 2 ตัวความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ทำให้มี Notch หรือติ่งที่หลายคนเห็นนั่นเอง ทั้งนี้ในรุ่นนี้จะได้ขุมพลัง Snapdragon 8 Gen 1 พร้อมกับ RAM 8 / 12 / 16GB ความจำให้เลือกมีทั้ง 128 / 256 และ 512GB ทั้งนี้ยังไม่ระบุว่าเพิ่มความจำได้หรือไม่

แบตเตอรี่ของ Tab S8 Ultra อยู่ที่ 11,200 mAh รองรับกำลังชาร์จไฟ 45W ให้มาในกลอ่อง ด้านหลังมีกล้องความละเอียด 13 + 6 ล้านพิกเซล คาดว่า Software จะใช้ One UI 4.1 พร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 12 และมีฟีเจอร์ของ Samsung Dex ฟีเจอร์สลับไปยัง Desktop Mode -องเครื่องและ เพิ่มความสว่าง หรือ Extra Dim เป็นต้น ทั้งหมดนี้คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงแรกของปี 2022 นี้ แต่จริงหรือไม่ต้องรอดูกันต่อไป

ขอขอบคุณ – Sanoook

รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก

4 แบรนด์สมาร์ตโฟนใหญ่ ประกาศคอนเฟิร์มใช้ชิปเซต Dimensity 9000

4 แบรนด์สมาร์ตโฟนใหญ่ ประกาศคอนเฟิร์มใช้ชิปเซต Dimensity 9000

ในเดือนพฤศจิกายน MediaTek ได้เปิดตัวชิปเรือธงประจำปี 2022 Dimensity 9000 5G และล่าสุดมีการยืนยันรายชื่อบริษัทผู้ผลิตสมาร์ตโฟนที่จะเป็นกลุ่มแรกที่ได้ใช้ชิป SoC รุ่นนี้แล้ว ได้แก่ OPPO, Vivo, Xiaomi และ Honor โดยทั้ง 4 แบรนด์จะเปิดตัวสมาร์ตโฟนที่ใช้ชิปดังกล่าวในไตรมาสที่ 1 ปี 2022

Dimensity 9000 เป็นชิปเซต 5G ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 4 นาโนเมตรของ TSMC ทำให้มีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานมากขึ้น ทั้งติดตั้งชิป 5G ตัวใหม่รองรับย่านความถี่ sub-6GHz และเป็นชิปเซตสมาร์ตโฟนรุ่นแรกที่รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.3

รองประธานของ OPPO เปิดเผยว่า OPPO ตระกูล Find X จะเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกที่เปิดตัวพร้อม Dimensity 9000 ซึ่งคาดว่าจะเป็นรุ่น Find X4 ในขณะที่ Find X4 Pro จะใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 1

ทางด้านรองประธานของ Xiaomi ก็ยืนยันว่าไลน์อัป Redmi K50 จะเป็นสมาร์ตโฟนที่มาพร้อมชิปรุ่นดังกล่าว แม้ทางบริษัทยังไม่บอกว่า Redmi K50 รุ่นใดที่จะใช้ Dimensity 9000 แต่คาดการณ์ว่า K50 Gaming จะเป็นรุ่นที่ได้ใช้ชิปเรือธงตัวใหม่ของ MediaTek ไป

สำหรับ Vivo และ Honor ยังไม่มีการประกาศว่า อุปกรณ์รุ่นใดที่จะเปิดตัว แต่ทั้ง 2 แบรนด์ได้บอกใบ้ว่า สมาร์ตโฟนรุ่นต่อไปจะเป็นสมาร์ตโฟน 5G รุ่นเรือธงรุ่นใหม่ (new generation 5g mobile phone) ที่มีประสิทธิภาพอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อผลักดันความสามารถด้าน 5G และนวัตกรรม

ขอขอบคุณ – Sanook

รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก

เปิดตัวแล้ว OPPO Find N สมาร์ทโฟนแฟล็กชิพจอพับรุ่นแรก

เปิดตัวแล้ว OPPO Find N สมาร์ทโฟนแฟล็กชิพจอพับรุ่นแรก

OPPO บริษัทเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก ประกาศเปิดตัว OPPO Find N สมาร์ทโฟนแฟล็กชิพจอพับรุ่นแรก (Foldable flagship smartphone) ในวันที่สองของการจัดแสดงนวัตกรรม OPPO INNO DAY 2021 ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่เกิดจากการวิจัยและพัฒนาเป็นระยะเวลานานถึง 4 ปี และสร้างโปรโตไทป์แล้วถึง 6 รุ่นด้วยกัน ทำให้ OPPO Find N สามารถมอบอีกขั้นของรูปแบบสมาร์ทโฟนแบบจอพับ พร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่ผู้ใช้งาน ทั้งผู้ใช้งานที่เคยและไม่เคยใช้สมาร์ทโฟนแบบจอพับได้

oppofindn(8)

Pete Lau, Chief Product Officer of OPPO กล่าวว่า “รูปแบบสมาร์ทโฟนใหม่นี้ ถือเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นของวงการเทคโนโลยีสมาร์ทโฟน โดย OPPO ใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการสรรหาวิธีการต่างๆ ที่สามารถสร้างสมาร์ทโฟนจอพับที่มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น เราจึงได้ทำการทดลองมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ปัจจัยด้านรูปแบบ ดีไซน์การพับ วัสดุของจอแสดงผล และอัตราส่วนด้านภาพ เพื่อสร้างอุปกรณ์ใหม่ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้มากขึ้นด้วย OPPO Find N โดยเราหวังว่าจะสามารถเปลี่ยนมุมมองด้านรูปแบบของสมาร์ทโฟน พร้อมมุ่งมั่นที่จะมอบสมาร์ทโฟนจอพับไปสู่ผู้คนที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น”

นำความแปลกใหม่สู่ความจำเป็นต่อการใช้งาน

OPPO Find N สามารถมอบทั้งเทคโนโลยีอันล้ำสมัยและคุณภาพการใช้งานขั้นสุด เพื่อมอบประสบการณ์ในการใช้งานสมาร์ทโฟนจอพับที่ดียิ่งขึ้น โดยเมื่อพับสมาร์ทโฟน ตัวเครื่องจะมีขนาดกะทัดรัด แต่อัดแน่นไปด้วยฟังก์ชันมากมาย และเมื่อกางออก ตัวเครื่องก็จะมอบหน้าจอแสดงผลที่เต็มตา พร้อมดื่มด่ำได้เต็มอรรถรส

Landscape Ratio

OPPO Find N ถือเป็นสมาร์ทโฟนจอพับเครื่องแรกที่มีอัตราส่วนของหน้าจอด้านในตัวเครื่องเป็นแบบแนวนอน (landscape) โดยผู้ใช้งานสามารถปรับเปลี่ยนการใช้หน้าจอได้อย่างสะดวกสบายไร้รอยต่อ ระหว่างหน้าจอด้านในขนาด 7.1 นิ้ว และหน้าจอด้านนอกขนาด 5.49 นิ้ว มอบประสบการณ์การรับชมแบบเต็มตา หมดห่วงเรื่องขนาดของหน้าจอและประสิทธิภาพการใช้งาน โดยหน้าจอด้านในมีอัตราส่วนของภาพ 8.4:9 ซึ่งเมื่อกางออก หน้าจอด้านในจะเปลี่ยนเป็นหน้าจอแบบแนวนอน (landscape mode) ได้ในทันที มอบประสบการณ์การรับชม เล่นเกม หรืออ่านหนังสือ ได้อย่างสะดวกสบาย โดยไม่จำเป็นต้องหมุนตัวเครื่องเพิ่มเติม และเมื่อพับสมาร์ทโฟน หน้าจอจะมีอัตราส่วนของภาพที่ 18:9 มอบประสบการณ์การใช้สมาร์ทโฟนที่คุ้นเคยและเต็มตา พร้อมสามารถใช้งานอย่างง่ายดายได้ด้วยมือเดียว

oppofindn(7)

Flexion Hinge หรือบานพับ

Flexion Hinge หรือบานพับของ OPPO Find N ประกอบด้วยส่วนประกอบมากมายถึง 136 ชิ้น ซึ่งมีความละเอียดสูงถึง 0.01 มม. มอบประสบการณ์การใช้งานบานพับที่ราบรื่นเสมือนข้อต่อของร่างกายมนุษย์ โดย OPPO ดีไซน์บานพับแบบ water-drop hinge ในการแก้ไข pain point ที่ใหญ่ที่สุดของอุปกรณ์แบบพับ ด้วยการขยายมุมของจอแสดงผลที่ใช้ในการพับ พร้อมสร้างบัฟเฟอร์รองรับเมื่อพับจอแสดงผล ทำให้หน้าจอมีรอยพับที่สามารถสังเกตุเห็นได้ลดลงถึง 80% อ้างอิงข้อมูลจาก TUV เมื่อเทียบกับอุปกรณ์แบบพับรุ่นอื่นๆ นอกจากนี้ การออกแบบนี้ยังช่วยลดช่องว่างระหว่างจอแสดงผลเมื่อพับจอ อีกทั้งยังช่วยมอบรูปลักษณ์แบบไร้รอยต่อและช่วยป้องกันรอยขีดข่วนของจอแสดงผลด้านในได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

FlexForm Mode

โครงสร้างของ Cam และสปริงภายในบานพับ (Flexion Hinge) อันล้ำสมัย จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถกางหน้าจอแสดงผลได้อย่างอิสระระหว่าง 50-120 องศา และเมื่อรวมกับฟีเจอร์ด้านซอฟต์แวร์มากมายในตัวเครื่อง ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ประโยชน์จากหน้าจอแสดงผลแบบพับได้มากมาย โดย FlexForm Mode บน OPPO Find N จะช่วยให้ผู้ใช้ปรับหน้าจอของอุปกรณ์ได้อย่างอิสระ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในสถานการณ์ที่หลากหลาย

OPPO ได้ปรับแต่งอินเทอร์เฟซสำหรับการใช้งาน เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพในแอปพลิเคชันต่างๆ ที่รองรับได้ดีมากยิ่งขึ้น เช่น แอปเล่นเพลง โน้ตสำหรับบันทึก และกล้อง ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้งานสามารถใช้โน้ตสำหรับบันทึก ด้วยการเปลี่ยน OPPO Find N เป็นโน้ตบุ๊กขนาดเล็กได้ เพราะ OPPO Find N สามารถวางตั้งได้อย่างอิสระด้วยมุมการพับต่างๆ ของหน้าจอ ทำให้ผู้ใช้สามารถจดบันทึกได้โดยไม่จำเป็นต้องถืออุปกรณ์ นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังสามารถเป็นขาตั้งกล้องเองได้อีกด้วย ไม่ว่าผู้ใช้งานจะถ่ายภาพแบบ time-lapse ด้วยความละเอียด 4K HD, วิดีโอคอล และประชุมออนไลน์ ก็สามารถทำได้อย่างสะดวกสบายแบบไม่ต้องจับถือ

Serene Display

ด้วย Serene Display ที่มีถึง 12 เลเยอร์จาก OPPO ทำให้หน้าจอมีความทนทานและมีการป้องกันที่ดีเยี่ยม ซึ่งเมื่อทำงานร่วมกับ Flexion Hinge หรือบานพับแล้ว ก็ยิ่งทำให้สามารถมอบประสบกาณ์การพับหน้าจอที่ราบรื่น โดยจอแสดงผลประกอบด้วยเลเยอร์ของ Flexion UTG (กระจกบางพิเศษ) ที่บางเพียง 0.03 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับกระจกสำหรับสมาร์ทโฟนทั่วไปจะหนาถึง 0.6 มิลลิเมตร ทำให้หน้าจอสามารถโค้งงอได้อย่างง่ายดาย พร้อมมีความทนทานอย่างมาก ซึ่งจากการตรวจสอบโดย TUV หน้าจอ Serene Display จะสามารถพับได้มากกว่า 200,000 ครั้ง พร้อมคงประสบการณ์การพับที่ราบรื่นและไร้รอยพับบนหน้าจอ

สำหรับจอแสดงผลด้านในมีการใช้หน้าจอแสดงผลแบบ LTPO พร้อมเทคโนโลยี dynamic refresh rate อัจฉริยะที่สามารถปรับรีเฟรชเรทระหว่าง 1-120 Hz ได้ ด้วยการอิงจากสิ่งที่ผู้ใช้งานกำลังรับชม นอกจากนี้จอแสดงผลด้านในยังมีอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัสที่สูงถึง 1,000 Hz

OPPO มีการปรับแต่งค่าความสว่างและการปรับเทียบสีระหว่างจอแสดงผลทั้งด้านในและด้านนอก เพื่อมอบประสบการณ์การรับชมที่ราบรื่นให้แก่ผู้ใช้งาน โดยหน้าจอทั้งสองสามารถปรับความสว่างอัตโนมัติได้ถึง 10,240 ระดับ พร้อมค่าความสว่างสูงสุดถึง 1,000 nits มอบความสะดวกสบายในการรับชมในทุกสภาพแสง

oppofindn(5)

นวัตกรรมด้านซอฟต์แวร์

ประสบการณ์ซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์แบบพับที่ยอดเยี่ยม ถือเป็นอีกขั้นของรูปแบบสมาร์ทโฟนแบบใหม่นี้ พร้อมมอบประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้แก่ผู้ใช้งานได้ โดยจอแสดงผลด้านในขนาด 7.1 นิ้วของ OPPO Find N มีพื้นที่หน้าจอกว้างกว่าจอแสดงผลมาตรฐานขนาด 6.5 นิ้ว ถึง 60% มอบประสบการณ์การรับชมที่เต็มตาสมจริงมากยิ่งขึ้น พร้อมสร้างโอกาสในการใช้งานนวัตกรรมด้านซอฟต์แวร์ในหลากหลายสถานการณ์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การทำงานหลายอย่างพร้อมกัน หรือ การทำงานแบบมีประสิทธิภาพ

เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเมื่อกางหน้าจอออก เสมือนใช้แท็บเล็ตขนาดใหญ่ขึ้น OPPO Find N จึงได้รวบรวมการโต้ตอบใหม่ๆ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานหลายอย่างพร้อมกันได้ง่ายมากขึ้น โดยเมื่อใช้งานแอปพลิเคชัน ผู้ใช้สามารถแบ่งหน้าจอออกเป็นสองส่วนได้ด้วยการใช้สองนิ้วปัดลงตรงกลางอุปกรณ์ หรือใช้สี่นิ้วบีบตรงหน้าจอเพื่อเปลี่ยนหน้าต่างแอปแบบเต็มจอให้เป็นหน้าต่างแบบลอยได้ นอกจากนี้ OPPO Find N ยังรองรับการโต้ตอบแบบมาตรฐาน เช่น ผู้ใช้งานสามารถกดค้างบนไอคอนที่รองรับ เพื่อลากไอคอนไปมา พร้อมใช้งานแอปพลิเคชันหลายแอปไปพร้อมกันขณะแบ่งจอบนหน้าจอหลักได้

นอกจากนี้ ซอฟต์แวร์ของ OPPO Find N ยังได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมต่อการใช้งาน ให้ผู้ใช้สามารถใช้งานสลับระหว่างสองหน้าจอไปมาได้อย่างราบรื่นและเป็นธรรมชาติ โดยเมื่อกางออก การแสดงผลจะย้ายจากหน้าจอด้านนอกไปยังหน้าจอหลักด้านในได้อย่างราบรื่น และเมื่อต้องการพับหน้าจอ ผู้ใช้งานสามารถปัดขึ้นที่หน้าจอด้านนอก เพื่อให้สามารถใช้ฟังก์ชันเดิมบนหน้าจอด้านนอกได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บนหน้าจอด้านในที่มีขนาดใหญ่ขึ้น OPPO ยังมอบรูปแบบของคีย์บอร์ดที่สามารถปรับแต่งได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การแบ่งคีย์บอร์ดบนหน้าจอ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถใช้คีย์บอร์ดได้สองมือพร้อมกัน พร้อมมอบการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

oppofindn(2)

กล้อง

OPPO Find N มาพร้อมกล้องระดับแฟล็กชิพถึง 3 ตัว มอบการถ่ายภาพและวิดีโอคุณภาพสูง ประกอบด้วยเซ็นเซอร์หลัก Sony IMX 766 ความละเอียด 50MP, เลนส์ ultra-wide 16MP และ เลนส์ telephoto 13MP อีกทั้งยังมีกล้องหน้าทั้งบนหน้าจอด้านในและด้านนอกอีกด้วย โดยเมื่อผสมผสานรูปแบบสมาร์ทโฟนใหม่และความสามารถของ FlexForm Mode ทำให้ OPPO Find N สามารถมอบประสบการณ์การใช้กล้องที่แปลกใหม่ให้แก่ผู้ใช้งานจากซอฟต์แวร์ที่ปรับแต่งเอง พร้อมใช้ประโยชน์จากรูปแบบสมาร์ทโฟนจอพับได้อย่างเต็มที่

Flexion Hinge หรือบานพับของ OPPO Find N ทำให้อุปกรณ์สามารถใช้งานเป็นขาตั้งกล้องเองได้ พร้อมกลายเป็นแก็ตเจ็ตขนาดกะทัดรัดและพกพาง่าย สะดวกในการถ่ายภาพในสถานการณ์ต่างๆ เช่น FlexForm Mode จะทำให้ผู้ใช้สามารถถ่าย time-lapse คุณภาพระดับ 4K HD ได้อย่างง่ายดายและไม่จำเป็นต้องจับถือด้วยการพับหน้าจอระหว่าง 50-120 องศา นอกจากนี้ time-lapse mode ยังประกอบไปด้วยเทมเพลตถึง 3 แบบ ได้แก่ light trails, night sky และ sun & clouds ที่ผู้ใช้สามารถปรับการตั้งค่าการภาพถ่ายและวิดีโอให้เหมาะสมในคลิกเดียว เพื่อการถ่ายภาพดาราศาสตร์ที่น่าดึงดูดและสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น อีกทั้งเมื่อพับหน้าจอในมุมที่ต่ำกว่า 60 องศา กล้องจะเลื่อนการแสดงตัวอย่างภาพถ่ายไปที่หน้าจอด้านล่างโดยอัตโนมัติ เพื่อให้คุณตั้งมุมกล้องในการถ่ายภาพได้ง่ายขึ้น

โดยอินเทอร์เฟซการแบ่งจอสำหรับการภาพถ่ายแบบใหม่ บน OPPO Find N จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้จอแสดงผลด้านในที่มีขนาดใหญ่เต็มตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้หน้าจออีกฝั่งหนึ่งในการถ่ายภาพ และใช้ฝั่งที่เหลือในการดู แชร์ หรือลบรูปภาพล่าสุดที่คุณถ่ายได้ นอกจากนี้ เมื่อผู้ใช้ถ่ายภาพด้วยกล้องหลักขณะกางหน้าจอ ผู้ใช้จะสามารถใช้งานได้ทั้งจอแสดงผลด้านในและด้านนอก เพื่อให้ทั้งผู้ใช้และตัวแบบสามารถดูภาพตัวอย่างก่อนถ่ายไปพร้อมๆ กันได้

นอกจากนี้ ด้วยกล้องหลังที่ทรงพลังมากขึ้น ยังทำให้ผู้ใช้สามารถเซลฟี่ด้วยภาพคุณภาพสูงได้ ด้วยการใช้หน้าจอด้านนอกในการดูตัวอย่างภาพถ่าย อีกทั้ง ผู้ใช้งานยังสามารถเซลฟี่ด้วยการใช้ท่าทางของมือได้ ช่วยให้ผู้ใช้เซลฟี่ได้อย่างง่ายดายแบบไม่หลุดเฟรมและไม่ต้องกดปุ่มชัตเตอร์

hinge

การออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์

OPPO Find N ถือเป็นสมาร์ทโฟนจอพับรุ่นแรกที่มีดีไซน์ที่ขอบทั้งสองข้างของตัวเครื่องด้านนอกเป็นแบบโค้ง 3 มิติ เพิ่มความสบายในการจับและมอบรูปลักษณ์แบบบางเฉียบ โดยฝาหลังและโมดูลกล้องด้านหลัง มีดีไซน์แบบ fluid curve เหมือนกับดีไซน์ของ OPPO Find X3 Pro 5G ซึ่งเส้นโค้งที่เพรียวบางของตัวกล้อง จะช่วยลดความสูงของโมดูลกล้องได้ สำหรับฝาหลังมีการใช้ Gorilla Glass Victus ผสมผสานกับเพลตกล้องเซรามิก มอบสัมผัสแบบพรีเมียมสง่างาม

โดย OPPO Find N มาพร้อมสีสันที่โดดเด่นถึง 3 สีด้วยกัน ได้แก่ สี Black ที่มีการผสมผสานระหว่างกระจกแบบด้านที่มีประกายระยิบระยับ และเทคนิคการเคลือบฟิล์มแบบใหม่ มอบเอฟเฟกต์บนชั้นเบสที่มีความระยิบระยับพรีเมียม สำหรับสี White ได้รับแรงบันดาลใจจากการเคลือบเซรามิกสีขาวด้วยกระจกเงา พร้อมพื้นผิวที่เต็มไปด้วยรายละเอียดอันประณีต ซึ่งมีความเข้ากันกับเพลตกล้องเซรามิก มอบรูปลักษณ์ที่มีความสมดุลเข้ากันได้เป็นอย่างดี สำหรับสี Purple เป็นสีที่ชวนให้ระลึกถึงขวดน้ำหอมสุดหรู ซึ่งสร้างจากชั้นฟิล์มที่ปรับแต่งเองหลากหลายชั้น ในการสร้างเอฟเฟ็กต์ของแสง และสร้างเงาจากพื้นผิวแบบโปร่งใส

ประสิทธิภาพการใช้งาน

OPPO Find N มาพร้อม Qualcomm® Snapdragon™ 888 Mobile Platform พร้อมด้วย LPDDR5 RAM สูงสุดถึง 12 GB และ ROM UFS 3.1 ถึง 512 GB รวมถึงมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,500 mAh สามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้ตลอดทั้งวัน พร้อมทั้ง 33W SuperVOOC Flash Charge ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ถึง 55% ใน 30 นาที และ 100% ใน 70 นาที นอกจากนี้ยังมาพร้อม 15W AirVOOC Wireless Charging ที่รองรับมาตรฐานระดับ Qi และ 10W Reverse Wireless Charging อีกด้วย อีกทั้ง OPPO Find N ยังมาพร้อมการสแกนลายนิ้วมือด้านข้างบนปุ่มเปิดปิดหน้าจอ รวมถึง ลำโพงแบบคู่ และ Dolby Atmos มอบประสบการณ์เสียงกระหึ่มสมจริงยิ่งขึ้น

serenedisplay

การวางจำหน่าย

OPPO Find N พร้อมวางจำหน่ายในประเทศจีน ตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2564

ขอขอบคุณ – Sanook

รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก