AirTag ไอเท็มติดตามสิ่งของใหม่จาก Apple ที่มาพร้อมพวงกุญแจจากแอร์เมส

AirTag ไอเท็มติดตามสิ่งของใหม่จาก Apple ที่มาพร้อมพวงกุญแจจากแอร์เมส

Airtag – เมื่อวันที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมา ในงานแอปเปิล อีเวนท์ ที่ผ่านมา ซึ่งแอปเปิล ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เริ่มด้วย iPhone 12 สีม่วง ที่กลายเป็นที่เรียกติดปากของคนไทยว่า น้องมันม่วง ซึ่งเป็นสีที่เข้ากับฤดูใบไม้ผลิ โดยจะเริ่มต้นวางขายในวันที่ 30 เมษายน

นอกจากนี้ แอปเปิ้ล ยังได้เปิดตัวไอเท็มใหม่ อย่าง iPad Pro กับชิป M1, จอภาพ Liquid Retina XDR ขนาด 12.9 นิ้ว รองรับ 5G ทั้งกล้องหน้าอัลตร้าไวด์ใหม่ที่มาพร้อมคุณสมบัติ “จัดให้อยู่ตรงกลาง” และ iMac ดีไซน์บางเฉียบ สีสันสดใส พร้อมจอภาพ Retina 4.5K ขนาด 24 นิ้ว รวมถึงลำโพง ไมโครโฟน และกล้องใหม่ที่ดีที่สุดใน Mac พร้อมโดยชิป M1

ที่ฮือฮาที่สุด คงเป็นไอเท็มใหม่อย่าง Airtag อุปกรณ์ติดตามสิ่งของต่างๆ ที่ใช้ติดกับกุญสิ่งต่างๆ และสามารถตามหาของเหล่านั้นได้ ผ่านเรดาร์การค้นหาจากแอป Find My ซึ่ง ไอเท็มนี้ ล้ำกว่าอุปกรณ์ตามหาสิ่งของที่เคยมีมา เพราะสามารถใช้ระบบค้นหาเดียวกับเวลาที่หาโทรศัพท์ไอโฟน หรือ ไอแพด นั่นเอง

นอกจากนี้ เจ้า Airtag ยังสามารถสั่งให้ลำโพงในตัวเล่นเสียงได้ โดยไปที่แถบสิ่งของ ให้แอป “ค้นหาของฉัน” และพูดว่า “หวัดดี Siri หากระเป๋าสตางค์ให้หน่อย” ถ้าชิ้นนั้นซ่อนอยู่ใกล้ๆ ก็จะส่งเสียงออกมา โดยไม่ต้องเสียเวลาหา ทั้งยังคอยบอกตำแหน่ง ว่าใกล้กับสิ่งของนั้นแล้วเท่าใดด้วย

ที่สำคัญคือ สามารถใช้เครือข่ายของแอปเปิล ทั้งไอโฟนและแม็ค ทั่วโลกในการติดตามได้ด้วย และยังมีระบบโหมดสูญหาย ให้ตามหาเจ้า แอร์แท็กได้ง่ายๆอีกด้วย ที่สำคัญคือ ยังคงเน้นเรื่องความเป็นส่วนตัวแบบแอปเปิล

ส่วนคำถามที่หลายคนสงสัยว่าใช้งานได้นานเท่าไหร่ แอปเปิล ก็เคลมว่าเจ้าแอร์แท็ก นี้ มีแบตเตอรี่ที่ใช้ได้นานมากกว่า 1 ปี และยังเตือนในไอโฟน ว่าถึงเวลาเปลี่ยนแบตแล้วหรือไม่ และยังไม่ต้องกังวลเรื่องการเปียกน้ำ ทั้งยังสามารถสลักชื่อลงไปได้อีกด้วย

Airtag มาในราคาที่จับต้องได้ ด้วยราคา 1 ชิ้น 990 บาท และ 4 ชิ้นในราคา 3,390 บาท 1 แอปเปิลไอดี ใช้ได้ 16 ชิ้น

นอกจากนี้้ ยังได้เอาใจสายแฟชั่น ด้วยไอเท็มจาก แอร์เมส 3 ชิ้น ได้แก่

พวงกุญแจ AirTag Hermès 11,690 บาท , เครื่องประดับห้อยกระเป๋า AirTag Hermès เริ่มต้นที่ 9,990 และ แท็กกระเป๋าเดินทาง AirTag Hermès เริ่มต้นที่ 14,690

ขอบคุณข้อมูลจากเว็บ https://www.matichon.co.th/lifestyle/news_2683735

เปิดตัว OPPO A94 และ OPPO A Series 4 รุ่น พร้อมเปิดตัว OPPO Enco Buds

เปิดตัว OPPO A94 และ OPPO A Series 4 รุ่น พร้อมเปิดตัว OPPO Enco Buds

เปิดตัวสมาร์ทโฟน OPPO A Series 4 รุ่นล่าสุด ได้แก่ OPPO A94, OPPO A74, OPPO A74 5G และ OPPO A54 ให้ “ใช้ชีวิตให้เต็มสปีด” ด้วยเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ด้านความบันเทิง มาในราคาต่ำกว่าหมื่นทุกรุ่น พร้อมเปิดตัวร่วมกับหูฟังไร้สาย OPPO Enco Buds มอบเสียงอันทรงพลังแบบไม่สะดุดได้ทุกที่ทุกเวลา

OPPO เปิดตัวสมาร์ทโฟน OPPO A Series 4 รุ่นล่าสุด ได้แก่ OPPO A94, OPPO A74, OPPO A74 5G และ OPPO A54 ให้ “ใช้ชีวิตให้เต็มสปีด” ด้วยเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ด้านความบันเทิง มาในราคาต่ำกว่าหมื่นทุกรุ่น พร้อมเปิดตัวร่วมกับหูฟังไร้สาย OPPO Enco Buds มอบเสียงอันทรงพลังแบบไม่สะดุดได้ทุกที่ทุกเวลา

ออปโป้บุกตลาดสมาร์ทโฟนระดับราคาเริ่มต้น เปิดตัวสมาร์ทโฟน 4 รุ่นล่าสุด จาก OPPO A Series ซีรีส์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ให้ใช้ชีวิตได้เต็มสปีดทุกเอนเตอร์เทนเมนท์ มาพร้อมสโลแกน “ใช้ชีวิตให้เต็มสปีด” มอบประสบการณ์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลื่นไหลและตอบโจทย์ทุกความสนุก

OPPO A94 “ใช้ชีวิตให้เต็มสปีด” ไปกับเทคโนโลยีชาร์จไว

OPPO A94

ADVERTISEMENThttps://ee20f57cd1877bad5ece551db886a21a.safeframe.googlesyndication.com/safeframe/1-0-38/html/container.html

OPPO A94 สมาร์ทโฟนที่โดดเด่นในเรื่องชาร์จไวแบบเต็มสปีด มาพร้อมสโลแกน “ใช้ชีวิตให้เต็มสปีด” ไปกับเทคโนโลยีชาร์จไว 30W VOOC Flash Charge 4.0 ชาร์จแบตเตอรี่ 100% ภายในเวลาเพียง 56 นาที และชาร์จเพียง 5 นาที  สามารถรับชม YouTube ได้มากถึง 2.9 ชั่วโมง และคุยได้มากถึง 3.2 ชั่วโมง เต็มสปีดด้วย ระบบประมวลผล MediaTek Helio P95, RAM 8GB และ ROM 128GB

OPPO A94

พร้อม AI 4 กล้องหลังความละเอียดสูงสุด 48MP และกล้องหน้าความละเอียด 32MP อัดแน่นด้วยฟีเจอร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น AI Color Portrait ถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอสนุกยิ่งขึ้นด้วยการปรับสีฉากหลังเป็นสีขาวดำแบบเรียลไทม์, Dual-View Video บันทึกวิดีโอได้พร้อมกันทั้งกล้องหน้าและหลัง และ Dynamic Bokeh ฟีเจอร์ปรับพื้นหลังให้มีลูกเล่นเคลื่อนไหวแบบไดนามิก

OPPO A94

มาพร้อมดีไซน์บางเบา ฝาหลังโค้ง 3 มิติ และหน้าจอ Punch-hole AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว โดย OPPO A94 มีให้เลือก 2 สี คือ สีม่วง Fantastic Purple และสีดำ Fluid Black วางจำหน่ายแล้ว ในราคา 9,499 บาท

OPPO A74 อีกขั้นของความบันเทิงด้วยหน้าจอที่คมชัด และ OPPO A74 5สมาร์ทโฟน 5รุ่นแรกของ OPPO A Series ในราคาต่ำหมื่น

OPPO A74 ให้คุณเพลิดเพลินไปกับความบันเทิงทุกรูปแบบบนหน้าจอ Punch-hole AMOLED FHD+ ขนาด 6.43 นิ้ว พร้อมใช้งานได้ตลอดวันด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5,000 mAh และเทคโนโลยีชาร์จไว 33W Flash Charge อีกทั้งยังพร้อมมอบความสนุกในทุกการถ่ายภาพและวิดีโอด้วย AI 3 กล้องหลัง ความละเอียดสูงสุด 48MP และกล้องหน้าความละเอียด 16MP โดย OPPO A74 มีให้เลือก 2 สี คือ สีน้ำเงิน Midnight Blue และ สีดำ Prism Black วางจำหน่ายแล้วในราคา 7,999 บาท

นอกจากนี้ OPPO เพิ่มตัวเลือกที่มากขึ้นด้วย OPPO A74 5G สมาร์ทโฟน 5G รุ่นแรกของ OPPO A Series เต็มสปีดด้วยชิปเซ็ตอันทรงพลัง Qualcomm Snapdragon 480 5G SoC รองรับการเชื่อมต่อเครือข่าย 5G แบบ Dual-mode ที่รวดเร็ว ลื่นไหล อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้ตลอดวัน ด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5,000 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จไว 18W Fast Charge ชาร์จแบตเตอรี่ 68% ภายใน 60 นาที และสนุกไปกับความบันเทิงได้อย่างเต็มอิ่มด้วยหน้าจอ 90Hz Hyper-color display FHD+ ขนาด 6.49 นิ้ว ให้ภาพที่มีสีสันสมจริง นุ่มนวล และตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว พร้อมด้วย AI 4 กล้องหลัง ความละเอียดสูงสุด 48MP และกล้องหน้าความละเอียด 16MP โดย OPPO A74 5G มีให้เลือก 2 สี คือ สีเงิน Space Silver และสีดำ Fluid Black วางจำหน่ายแล้ว ในราคา 8,999 บาท ที่ช่องทางออนไลน์ OPPO Online Official Store บน Shopee, Lazada, JD Central, Thisshop, Online OPPO และทรูช็อปทุกสาขา

OPPO A54 น้องเล็กล่าสุด มอบความสนุกได้ต่อเนื่องตลอดทั้งวัน

OPPO A54 มอบความสนุกและความบันเทิงเพลิดเพลินได้ตลอดทั้งวันด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5,000 mAh และเทคโนโลยีชาร์จไว 18W Fast Charge โดยสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 70% ภายใน 60 นาที พร้อมมอบพื้นที่จัดเก็บแบบจุใจด้วย ROM 128GB รวมถึงมีดีไซน์บางเบา จับถือได้อย่างถนัดมือ โดย OPPO A54 ให้เลือก 2 สี คือ สีน้ำเงิน Starry Blue และ สีดำ Crystal Black วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 เมษายน 2564 ในราคาเพียง 5,699 บาท เท่านั้น!

OPPO Enco Buds หูฟังรุ่นใหม่ล่าสุดตอบโจทย์ด้านเสียงได้ทุกเวลา

นอกจากนี้ OPPO ยังเสริมทัพให้พอร์ตสินค้า IoT มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ด้วยหูฟังไร้สายรุ่นใหม่ล่าสุดในราคาเริ่มต้นอย่าง OPPO Enco Buds มอบเสียงอันทรงพลังได้ทุกที่ทุกเวลา มาในสโลแกน “All-Day Music. Nonstop.” พร้อมใช้งานได้อย่างต่อเนื่องถึง 24 ชั่วโมงต่อการชาร์จเพียง 1 ครั้ง มอบเสียงอันทรงพลังพร้อมความหน่วงต่ำด้วยการส่งสัญญาณเสียงผ่านระบบ Binaural Bluetooth ระบบเชื่อมต่อกับหูฟังบลูทูธทั้ง 2 ข้างในครั้งเดียว นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับสายเกมเมอร์ด้วย Low-Latency Game Mode จัดเต็มทุกการแข่งขันแบบไม่มีดีเลย์ พร้อทเต็มอิ่มมากขึ้นด้วยเบสอันทรงพลังระดับ HD และพูดคุยได้อย่างสะดวกสบายคมชัดทุกที่ทุกเวลาด้วยระบบตัดเสียงรบกวนระหว่างการโทรอัจฉริยะ โดยหูฟังไร้สาย OPPO Enco Buds วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ ในราคาเพียง 999 บาท เท่านั้น !!!

สัมผัสสมาร์ทโฟน OPPO A94 ใช้ชีวิตให้เต็มสปีด ในราคา 9,499 บาท ได้แล้ววันนี้ ที่ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

พร้อมสมาร์ทโฟน OPPO A Series อีก 3 รุ่นล่าสุด OPPO A74 โดยวางจำหน่ายแล้ววันนี้ ในราคา 7,999 บาท ที่ OPPO Brand Shop ทุกสาขาและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ รวมถึง OPPO A74 5G ที่มาในราคา 8,999 บาท สามารถเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ผ่านช่องทาง OPPO Online Official Store บน Shopee, Lazada, JD Central, Thisshop, Online OPPO และทรูช็อปทุกสาขา

นอกจากนี้ สำหรับสองรุ่นน้องเล็ก OPPO A54 จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 เมษายนนี้ ในราคา 5,699 บาท และ OPPO Enco Buds จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ ในราคา 999 บาท ที่ OPPO Brand Shop ทุกสาขาและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

ดูข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ https://www.oppo.com/th/

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/oppothai

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.whatphone.net/news/oppo-a94-th-launch/

รวมโปรจอง Samsung Galaxy A52 5G และ A72 จาก AIS, dtac และ TrueMove H จองวันนี้รับฟรี Galaxy Buds+

รวมโปรจอง Samsung Galaxy A52 5G และ A72 จาก AIS, dtac และ TrueMove H จองวันนี้รับฟรี Galaxy Buds+

งแม้ว่าจะไม่ใช่รุ่นเรือธง แต่เจ้า Samsung Galaxy A52 5G และ A72 ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว สเปคต่าง ๆ โดยรวมถือว่าทำออกมาได้ดีกว่ามือถือเรือธงบางค่ายเสียอีก แถมมีค่าเปิดตัวเพียงหมื่นต้น ๆ เท่านั้น พร้อมช่วงพรีออร์เดอร์นี้ก็แถม Galaxy Buds+ เอาไปใช้งานกันฟรี ๆ อีกด้วย และหากซื้อติดโปรกับเครือข่ายมือถือก็จะเหลือเริ่มต้นเพียง 6,489 บาทเท่านั้นซึ่งถือว่าราคาเร้าใจมากๆ

ราคาเปิดตัว SAMSUNG GALAXY A52, A52 5G และ A72

จะเห็นได้ว่าทั้ง 3 รุ่นราคาถือว่าค่อนข้างใกล้เคียงกันมากเลยทีเดียว แถมดีไซน์ก็แทบไม่ต่างกันเลย โดยสิ่งที่แตกต่างกันหลัก ๆ จะเป็นเรื่องของกล้อง ชิปเซ็ตภายใน เล็กน้อย ส่วนตัวแอบเสียดายที่ Galaxy A72 ไม่รองรับ 5G ไม่งั้นจะเป็นรุ่นที่สมบูรณ์แบบมาก ในราคานี้

รวมโปร SAMSUNG GALAXY A52 5G และ A72

โปร AIS

เริ่มกันด้วยทางฝั่งโปรของเครือข่าย AIS กันก่อนซึ่งในตอนนี้ได้เปิดให้จองพรีออร์เดอร์ Galaxy A52 5G ล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันนี้ – 25 มี.ค. 2564 โดยมีส่วนลดสูงสุดถึง 6,810 บาท หรือมีราคาเริ่มต้นเพียง 6,489 บาทเท่านั้น แถมผ่อน 0% นานสูงสุด 24 เดือน พร้อมรับ Galaxy Buds+, สิทธิ์ใช้ AIS 5G Service, ได้ YouTube Premium นาน 6 เดือน และ AIS Play Premium นาน 3 เดือนฟรี โดยจะเริ่มรับเครื่องวันที่ 26 มี.ค. 2564 เป็นต้นไป (Galaxy A72 ยังไม่มา)

โปร BEST BUY ลูกค้า AIS รายเดือนอายุการใช้งาน 1 ปีขึ้นไป

  • ไม่ต้องจ่ายค่าบริการล่วงหน้า
  • ติดสัญญาการใช้งาน 12 เดือน
  • แถม Galaxy Buds+ ฟรี

โปร HOT DEAL ลูกค้า AIS SERENADE

  • ติดสัญญาการใช้งาน 12 เดือน
  • ลูกค้าต้องได้รับสิทธิ์เป็น Serenade ก่อน 17 มี.ค. 2564
  • *ช่องไฮไลท์สีชมพูเฉพาะลูกค้า Serenade Platinum, Gold และ Emerald อายุการใช้งาน 1 ปีขึ้นไป
  • ค่าบริการล่วงหน้าจะแบ่งคืนนาน 12 เดือน
  • แถม Galaxy Buds+ ฟรี

โปร HOT DEAL ลูกค้าเปิดเบอร์ใหม่ / ย้ายค่ายเบอร์เดิม / เปลี่ยนเติมเงินเป็นรายเดือน

  • ติดสัญญาการใช้งาน 12 เดือน
  • เฉพาะลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิม รับส่วนลดเพิ่ม 1,000 บาท
  • ค่าบริการล่วงหน้าจะแบ่งคืนนาน 12 เดือน
  • แถม Galaxy Buds+ ฟรี

แพ็กเกจรายเดือน 5G HOT DEAL MAX SPEED

ข้อควรรู้แพ็กเกจ 5G HOT DEAL MAX SPEED

  • ค่าโทรส่วนเกิน นาทีละ 1.50 บ.
  • หากใช้เน็ตเต็มสปีดครบจำนวนแล้ว ติด FUP 384 Kbps
  • โทรในเครือข่าย AIS ฟรี ครั้งละ 1 ชั่วโมง
  • ซิมเน็ตฟรี 50GB ที่แถมให้โปร 1,199 บาทขึ้นไป คือปริมาณที่ให้ต่อเดือน หากใช้ไม่หมด ไม่มีทบเดือนถัดไป

โปร TRUEMOVE H

ต่อมาสำหรับทางฝั่ง TrueMove H ตอนนี้ก็ยังคงมีเฉพาะ Galaxy A52 5G เช่นเดียวกับค่ายอื่น ๆ ซึ่งจะได้ส่วนลดสูงสุด 7,000 บาท หรือมีราคาเริ่มต้น 6,499 บาท สามารถผ่อน 0% สูงสุด 24 เดือนกับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ และได้รับของแถมเป็น Galaxy Buds+ เช่นเดียวกัน โดยจะเริ่มเปิดจองตั้งแต่วันนี้ – 25 มี.ค. 2564 เริ่มจัดส่งสินค้าตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. 2564 เป็นต้นไป

โปรสำหรับลูกค้าเปิดเบอร์ใหม่ / เปลี่ยนเติมเงินเป็นรายเดือน

  • ติดสัญญาการใช้งาน 12 เดือน
  • เฉพาะลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิม รับส่วนลดเพิ่ม 1,000 บาท
  • ลูกค้าเก่าแบบรายเดือนอายุการใช้งานเกิน 1 ปี ไม่ต้องชำระค่าบริการล่วงหน้า
  • ค่าบริการล่วงหน้าจะแบ่งคืนนาน 10 เดือน
  • แถม Galaxy Buds+ ฟรี

โปรลูกค้าทรูแบล็ก, ทรูเรด, ทรูบลู และทรูกรีน

  • ติดสัญญาการใช้งาน 12 เดือน
  • ต้องเป็นลูกค้าทรูแบล็ก, ทรูเรด, ทรูบลู และทรูกรีน ก่อนวันที่ 1 ม.ค. 2564
  • ค่าบริการล่วงหน้าจะแบ่งคืนนาน 10 เดือน
  • แถม Galaxy Bud+ ฟรี

แพ็กเกจ 5G ซูเปอร์ แม็กซ์ สปีด

ข้อควรรู้แพ็กเกจ 5G ซูเปอร์ แม็กซ์ สปีด

  • ค่าโทรส่วนเกิน นาทีละ 1.50 บ. (ทั้งซิมหลักและซิมฟรี)
  • หากใช้เน็ตเต็มสปีดครบจำนวนแล้ว ติด FUP 384 Kbps (ทั้งซิมหลักและซิมฟรี)
  • ซิมเน็ตฟรี 50GB ที่แถมให้โปร 1,199 บาทขึ้นไป คือปริมาณที่ให้ต่อเดือน หากใช้ไม่หมด ไม่มีทบเดือนถัดไป
  • เฉพาะโปร 1,199 บาทขึ้นไป 1,199 บาทขึ้นไป ได้สิทธิ์ดูบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2020/21 ผ่านแอป trueID ฟรี

โปรซื้อเครื่องเปล่าลูกค้ารายเดือน

  • รับส่วนลดค่าเครื่อง Galaxy A52 5G ทันที 500 บาท เหลือ 12,999 บาท ไม่ติดสัญญา
  • ใช้ได้เฉพาะลูกค้ารายเดือนแพ็กเกจ 199 บาทขึ้นไป อายุการใช้งานเกิน 6 เดือน
  • แถม Galaxy Bud+ ฟรี

โปรซื้อเครื่องเปล่าลูกค้าเติมเงิน

  • รับส่วนลดค่าเครื่อง Galaxy A52 5G ทันที 1,000 บาท เหลือ 12,499 บาท โดยจะต้องเติมเงิน 500 บาทใช้แพ็กเกจ 5G Super Net Plus
  • แพ็กเกจ 5G Super Net Plus
    • ใช้งานได้ 3 เดือน
    • ได้เน็ตเต็มสปีดเดือนละ 5GB ใช้หมดติด FUP 128 Kbps
    • ใช้แอป trueID ได้ไม่อั้น ไม่เสียค่าเน็ต
  • แถม Galaxy Buds+ ฟรี

โปรจาก DTAC

ทางด้านโปรของ dtac เบื้องต้นในตอนนี้จะยังมีเฉพาะตัว Galaxy A52 5G ซึ่งจะมีส่วนลดสูงสุด 7,009 บาท หรือมีราคาเริ่มต้น 6,490 บาท สามารถผ่อน 0% สูงสุด 24 เดือน และได้รับของแถมเป็น Galaxy Buds+ ตามปกติ โดยจะเริ่มเปิดจองตั้งแต่วันนี้ – 25 มี.ค. 2564

โปรจองล่วงหน้า GALAXY A52 5G

  • ติดสัญญาการใช้งาน 12 เดือน
  • เฉพาะลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิม รับส่วนลดเพิ่ม 1,500 บาท
  • ค่าบริการล่วงหน้าจะแบ่งคืนนาน 10 เดือน
  • ตัวเครื่องรองรับเฉพาะเครือข่ายดีแทคตลอดการใช้งาน
  • แถม Galaxy Buds+ ฟรี

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://droidsans.com/samsung-galaxy-a52-5g-a72-ais-dtac-true-promotion/

เปิดตัว ASUS ROG Phone 5 Series แรงขั้นเทพด้วย Snapdragon 888 หน้าจอ 144Hz พร้อมฝาหลัง RGB

เปิดตัว ASUS ROG Phone 5 Series แรงขั้นเทพด้วย Snapdragon 888 หน้าจอ 144Hz พร้อมฝาหลัง RGB

ปีนี้ ASUS เปิดตัวมือถือเกมมิ่งระดับเทพ ROG Phone 5 เร็วกว่าปกติ (จากรุ่นที่ผ่าน ๆ มาเปิดตัวราว ๆ ช่วงกลางปี) ซึ่งแน่นอนว่าสเปค + ฟีเจอร์ต่าง ๆ ยังคงอัดมาให้แบบเต็มเหนี่ยวเอาใจสายเกมกันแบบเต็มอิ่ม ไม่ว่าจะเป็นสเปคเร็วแรง, ฟีเจอร์สำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะ โดยคราวนี้เปิดตัวมาถึง 3 รุ่น คือ ROG Phone 5, ROG Phone 5 Pro และ ROG Phone 5 Ultimate ที่อัด RAM มาให้สูงสุดถึง 18GB

ดีไซน์คล้ายเดิม แต่เพิ่มแถบไฟ LED ที่ด้านหลัง

สำหรับรูปร่างหน้าตาของ ROG Phone 5 ดูเผิน ๆ แล้วเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นก่อน ๆ ซักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอที่ยังคงมีขอบบน-ล่างเหมือนเดิม (ต้องเว้นที่ไว้สำหรับวางลำโพงแบบ Front facing) พอพลิกมาดูด้านหลังดีไซน์โมดูลกล้องและตำแหน่งการวางก็ยังคงเหมือนเดิมอีกเช่นเคย แต่ถัดลงมาด้านล่างจะเห็นการเปลี่ยนแปลงแล้ว โดยคราวนี้โลโก้ ROG ถูกเปลี่ยนเป็น Dotted Matrix Design ที่ดูแล้วคล้าย ๆ กับแผงไฟ LED

ส่วนรุ่น ROG Phone 5 Pro และ ROG Phone 5 Ultimate จะล้ำกว่า เพราะไม่ใช่แค่แถบไฟธรรมดา ๆ เท่านั้น แต่มาเป็นหน้าจอ ROG Vision ที่สามารถแสดงผลเป็นกราฟิกสีเคลื่อนไหวได้แบบเก๋ ๆ เมื่อชาร์จแบตเตอรี่, มีสายเข้า, เปิด X Mode หรืออื่น ๆ ตามที่เราตั้งค่า (รุ่น Ultimate แสดงผลเป็นขาว-ดำ)

หน้าจอรีเฟรชเรทสูง 144HZ ครอบด้วย GORILLA GLASS VICTUS สุดแกร่ง

ใช้หน้าจอ AMOLED ระดับไฮเอนด์จาก Samsung ที่มีรีเฟรชเรทสูงถึง 144Hz/1ms พร้อม Touch Sampling rate สูง 300Hz เพิ่มความทันใจในการบังคับเกมแบบไม่มีหน่วง และยังรองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ เพิ่มความสมจริงให้กับคอนเทนต์ที่รองรับอีกด้วย และยังแข็งแกร่งหายห่วงด้วยกระจกนิรภัย Gorilla Glass Victus ที่ป้องกันได้ทั้งรอยขีดข่วนและแรงกระแทกจากการตก

สเปคแรงเต็มเหนี่ยว

ชิป Snapdragon 888 ที่ใช้ใน ROG Phone 5 Series จะแรงกว่าที่ใช้ในมือถือรุ่นอื่น ๆ เพราะถูก Overclock ให้มีความเร็วขึ้นมาที่ 2.84 GHz เพื่อความสามารถในการประมวลของ CPU ถึง 25% และเพิ่มความสามารถในการเรนเดอร์ขึ้นไปถึง 35% โดยทำคะแนนการทดลองจาก AnTuTu ได้ไปถึง 742,776 คะแนน เทียบกับมือถือรุ่นอื่นที่ใช้ชิปเดียวกันได้คะแนนอยู่ที่ราว 700,000 ต้น ๆ เท่านั้น

แถมยังมากับ RAM แบบ LPDDR5 สูงสุดถึง 18GB (รุ่น Ultimate) และความจุแบบ UFS 3.1 สูงถึง 512GB (รุ่น Pro และ Ultimate) ทำให้การเข้าเกม หรือสลับเกม สลับแอพรวดเร็วทันใจ

ระบบระบายความร้อนแบบใหม่

นอกจากจะมีเครื่องแรงแล้ว ระบบระบายความร้อนก็ยังมีประสิทธิภาพสูงเหมือนกัน เพราะคราวนี้เปลี่ยนมาใช้ระบบ 3D Vapor Chamber ที่จะระบายความร้อนจากบริเวณ CPU โดยตรง และยิ่งใช้งานคู่กับพัดลมระบายอากาศ Aeroactive Cooler 5 จะสามารถลดอุณหภูมิของ CPU ลงไปได้ถึง 10° C และลดอุณหภูมิของตัวเครื่องได้ถึง 15° C เมื่อเล่นเกมเป็นเวลานาน ๆ แล้วไม่เกิดความร้อนมากเกินจนเครื่องต้องลดประสิทธิภาพลง ช่วยให้เกมมีเฟรมเรตนิ่งคงที่กว่าเดิมนั่นเอง

ลำโพงคู่ทรงพลัง และการกลับมาของรูหูฟัง 3.5 มม.

นอกจากหน้าจอจะสวยและลื่นปรื๊ดแล้ว ระบบเสียงของ ROG Phone 5 Series ก็เด็ดไม่แพ้กัน ด้วยลำโพงสเตอรีโอคู่แบบ Front Facing ที่ไม่โดนมือบังเวลาถือเล่นเกม, ระบบเสียง DIRAC แถมยังได้รับการทดสอบประสิทธิภาพจากเว็บไซต์ DxOMark เรียบร้อยแล้วว่าเสียงดีจริง กระหึ่มจริง

ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะ ROG Phone 5 Series มี DAC ระดับไฮเอนด์มาให้ แถมด้วยรูหูฟัง 3.5 มม. ที่คราวนี้เอากลับมาให้แล้ว ทำให้การใช้หูฟังแบบมีสายเพื่อฟังเพลง เล่นเกม หรือดูหนัง ได้คุณภาพเสียงที่สุดยอดขึ้นไปอีก

ส่วนคุณภาพของการอัดเสียงสำหรับเหล่า streamers หรือผู้เล่นที่ต้องการสื่อสารกับทีมก็หายห่วง เพราะมือถือซีรีส์นี้มีไมโครโฟนมาให้ถึง 4 ตัว ทำให้เสียงที่ส่งผ่านไมโครโฟนมีความชัดเจน

กล้องหลัง 3 ตัว 64MP

กล้องหลังของ ROG Phone 5 Series มีมาให้ทั้งหมด 3 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลักเซ็นเซอร์ Sony IMX686 ความละเอียด 64MP + กล้อง Ultrawide + กล้อง Macro โดยสามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 8K 30fps

ฟีเจอร์เอาใจคอเกม

เป็นมือถือเกมมิ่งทั้งที จะมีแค่สเปคแรง ๆ อย่างเดียวก็ใช่เรื่อง เพราะฉะนั้น ASUS จึงจัดฟีเจอร์มาให้แบบแน่นเอี๊ยดเอาใจเกมเมอร์กันสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นฝาหลัง RGB หรือจอ LCD ที่บอกไปแล้ว, ปุ่ม L-R แบบ Ultra Sonic ที่ตอบสนองได้รวดเร็ว และหลากหลายทิศทาง, การบังคับด้วยท่าทาง (Motion Control), พอร์ต USB-C สำหรับเสียบชาร์จด้านข้างเครื่อง, ระบบสั่นจากเสียงเอฟเฟ็คท์ในเกม (Haptic audio)

นอกจากปุ่ม L R ที่ขอบเครื่องแล้ว ยังมีปุ่ม L2 R2 ที่เป็นปุ่มแบบสัมผัสอยู่ที่ด้านหลังเครื่องอีกด้วย (เฉพาะรุ่น Pro และ Ultimate)

Scout Mode เปลี่ยนสีหน้าจอให้เป็นแบบ Inverse เพื่อการเล็งเป้าหมายได้ง่ายขึ้น, eSports Mode ปิดการแจ้งเตือนทุกอย่าง ป้องกันการสัมผัสโดยไม่ตั้งใจ เปิดระบบ Bypass charging (เสียบไฟแบบไม่ผ่านแบตเตอรี่) และอื่น ๆ อีกเพียบ เพื่อประสบการณ์การเล่นเกมสูงสุด

แบตเตอรี่ 6000 MAH พร้อมชาร์จไว 65W

แบตเตอรี่ขนาดมหึมา 6000 mAh ที่แบ่งออกเป็น 2 ก้อน ก้อนละ 3000 mAh ทำให้สามารถใช้งานกับระบบชาร์จไว HyperCharge 65W ได้ โดย ASUS เคลมว่าสามารถชาร์จจาก 0% – 100% ได้ในเวลาแค่ 51 นาทีเท่านั้น

สเปค ASUS ROG PHONE 5 / PRO / ULTIMATE

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละอียด FHD+, รองรับการแสดงผล HDR10+
  • CPU : Snapdragon 888
  • GPU : Adreno 660
  • RAM (LPDDR5) : 8GB / 12GB / 16GB / 18GB (เฉพาะรุ่น Ultimate)
  • ความจุ (UFS 3.1) : 128GB / 256GB / 512GB (เฉพาะรุ่น Pro และ Ultimate) ไม่รองรับ microSD Card
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก 64MP
    – กล้อง Ultra wide
    – กล้องมาโคร
  • กล้องหน้า : 24MP
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอคู่แบบ Front Facing, Dirac Sound, มีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, BT 5.2
  • เซ็นเซอร์ : Fingerprint (ใต้หน้าจอ), accelerometer, gyro, proximity, compass
  • แบตเตอรี่ : 6000 mAh รองรับชาร์จไว 65W
  • ระบบ Android 11 ครอบด้วย ROG UI

ราคา

ASUS ROG Phone 5 แบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 รุ่น คือ ROG Phone 5, ROG Phone 5 Pro และ ROG Phone 5 Ultimate โดยมีราคาในโซนยุโรปดังนี้

  • ROG Phone 5 (8GB/128GB) : 799 ยูโร หรือประมาณ 29,230 บาท
  • ROG Phone 5 (12GB/256GB) : 899 ยูโร หรือประมาณ 32,900 บาท
  • ROG Phone 5 (16GB/256GB) : 999 ยูโร หรือประมาณ 36,550 บาท
  • ROG Phone 5 Pro (16GB/512GB) : 1,199 ยูโร หรือประมาณ 43,860 บาท
  • ROG Phone 5 Ultimate (18GB/512GB) : 1,299 ยูโร หรือประมาณ 47,520 บาท

สำหรับการวางจำหน่ายของทั้ง 3 รุ่น จะแตกต่างกันออกไป ROG Phone 5 จะวางขายช่วงเดือนมีนาคม, ROG Phone 5 Pro จะวางขายช่วงเดือนเมษายน และ ROG Phone 5 Ultimate จะวางขายช่วงเดือนพฤษภาคม 2564 ส่วนในบ้านเราจะวางจำหน่ายช่วงไหน จะเอารุ่นไหนเข้ามาบ้าง และจะมีราคาเท่าไหร่ ต้องรอติดตาม

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://droidsans.com/asus-rog-phone-5-officially-announced/

เปิดตัว Xiaomi Mi 11 5G อัด Snapdragon 888 พร้อมลำโพง Harman เริ่มต้น 21,990 บาท!

เปิดตัว Xiaomi Mi 11 5G อัด Snapdragon 888 พร้อมลำโพง Harman เริ่มต้น 21,990 บาท!

สเปกที่น่าสนใจของ Xiaomi Mi 11 5G

  • หน้าจอ: จอแสดงผล AMOLED แบบ WQHD+ ขนาด 3200 x 1440, อัตรารีเฟรชเรต 120Hz ขนาดหน้าจอ 6.81 นิ้ว
  • กล้องหลัก: กล้องหลักความละเอียด 108MP, Ultra-Wide มุมรับภาพ 123 องศา ความละเอียด 13MP และกล้อง Telemacro ความละเอียด 5MP
  • กล้องหน้า: 20MP
  • ชิปประมวลผล: Qualcomm Snapdragon 888 (ชิปประมวลผลการ์ดจอ Adreno 660)
  • RAM: 8GB
  • ROM: 128/256GB  
  • พอร์ตเชื่อมต่อ: USB-C
  • แบตเตอรี่: 4600 mAh รองรับการชาร์จความเร็วสูงในชื่อ Mi Turbo Charge กำลังไฟ 55 วัตต์ 0 – 100% ได้ภายใน 45 นาที พร้อมรองรับการชาร์จไร้สายกำลังไฟ 50 วัตต์ 
  • ลำโพง: จูนเสียงโดย Harman Kardon
  • การเชื่อมต่อสัญญาณ: Wi-Fi6, รองรับสัญญาณ 5G
  • สี: เทา Midnight Gray และฟ้า Horizon Blue

เริ่มกันด้วยความสามารถของกล้องเลยละกันครับ Xiaomi Mi 11 5G จะค่อนข้างเน้นไปที่ความสามารถด้านการถ่ายวิดีโอที่มีฟีเจอร์มากมายที่จะทำให้การบันทึกภาพเคลื่อนไหวของคุณเสมือนกับภาพยนตร์ที่เราเป็นผู้กำกับทำครบจบผ่านมือถือในเครื่องเดียว ทั้งการนำเสนอภาพแบบ Magic Zoom (เห็นกันได้บ่อยในหนังเวลาซูมเข้าหาตัวละครแบบกระทันหัน) Time Freeze, Night Time-Lapse หรือแม้แต่การเกรดสีให้เหมือนับหนังในโรงตาม mood ต่าง ๆ ก็มีมาให้ปรับ

โดยกล้องหลักในชื่อที่มีความละเอียดอยู่ที่ 108MP ซึ่งก็มาพร้อมกับขนาดของเซนเซอร์อยู่ที่ 1/1.33″ พร้อมระบบกันสั่นด้วยฮาร์ดแวร์แบบ OIS โฟกัสทำงานไว้ขึ้น 30% จากรุ่นก่อน แถมในกล้องหลักทั้ง 3 ตัวสามารถ “ถ่ายวิดีโอในที่มืดได้สว่างทั้งหมดด้วย Ultra Night” โดยจะใช้ทั้งซอฟต์แวร์ลด noise ในระดับ Raw Level ดึงเอา AI-Real Time มาช่วยอีกแรงก่อนที่จะขอความเหลือจากระบบกันสั่นจากฮาร์ดแวร์อย่าง OIS และกั่นสั่นด้วยซอฟต์แวร์อย่าง EIS มาช่วยส่งผลให้วิดีโอตอนกลางนั้นสว่างสวย

“หน้าจอ” ก็เป็นอีกหนึ่งตัวชูโรงในรุ่นนี้ โดย Xiaomi Mi 11 5G นำเสนอหน้าจอ AMOLED ความละเอียด WQHD+ ความละเอียด 3200 x 1440 การันตีความสวยความคมได้ในระดับหนึ่งผ่านตัวเลข 515 ppi, ขนาดหน้าจอ, มีเทคโนโลยีที่เรียกว่า Super Resoulution เป็นการปรับความละเอียดต่ำของไฟล์ภาพหรือวิดีโอให้ขึ้นมาถึงความละเอียด WQHD+ โดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณการใช้ข้อมูล, มีอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัสที่ 480Hz และปิดท้ายด้วยการขิงว่าได้รางวัลหน้าจอยอดเยี่ยมจาก DisplayMate อีกด้วย

เป็นเรื่องที่น่าตกใจไม่ใช่น้อย เมื่อ Xiaomi ได้ดีลงาม ๆ ที่สามารถจับมือกับแบรนด์เสียงระดับโลกอย่าง Harman / Kardon มาจูนลำโพงสเตอริโอให้ก็น่าจะถูกใจเหล่าหูเทพกันไม่มากก็น้อยละนะ (แถมลำโพงด้านล่างยังออกแบบเป็นรูปทรง Soundwave อีกด้วย)

Xiaomi Mi 11 5G มีให้เลือกด้วยกัน 2 สี ได้แก่ เทา Midnight Gray และฟ้า Horizon Blue โดยเปิดให้พรีออเดอร์ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ – 12 มีนาคม พร้อมรับฟรี ของสมนาคุณสุดพิเศษ Mi Smart Speaker มูลค่า 1,690 บาท และจะวางขายโดยทั่วไปในวันที่ 13 มีนาคม แต่ขอหมายเหตุไว้เนิ่นๆ ก่อนว่ารุ่น RAM 8GB + ROM 128GB จะมีราคาอยู่ที่ 21,990 บาท “แต่ต้องพรีออเดอร์บนช่องทางออนไลน์เท่านั้น”

ในขณะที่รุ่น RAM 8 GB + 256GB จะสนนราคาอยู่ที่ 23,990 บาท ซึ่งสามารถสั่งจองได้ผ่านร้านค้าอุปกรณ์ไอทีชั้นนำ แต่หากพรีออเดอร์ผ่านโอเปอเรเตอร์ 3 เจ้าใหญ่ (AIS, Dtac และ True) ในช่วงเวลาดังกล่าวก็จะได้รับสิทธิ์ซื้อ Mi 11 5G รุ่น 8GB / 256GB ราคาพิเศษสุด ๆ เริ่มต้นเพียง 11,990 บาทเท่านั้น!

และเซอร์ไพรส์สุดพิเศษสำหรับท่านที่พรีออเดอร์ 360 คนแรก รับของสมนาคุณ “ชุด Smart Home จัดหนักจุใจใหญ่มากแบบ XXL พิเศษ Mi Smart Speaker มูลค่า 19,990 บาท” ทั้งนี้ ลูกค้าที่ซื้อ Mi 11 จากช่องทางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ของเสียวหมี่ และเปิดใช้งานเครื่องภายในประเทศไทย จะได้รับ การรับประกันตัวเครื่อง 24 เดือน และ การรับประกันคุ้มครองหน้าจอ 12 เดือน อีกด้วย (เงื่อนไขเป็นไปตามทีบริษัทกำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.mi.com/global/service/warranty)

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.beartai.com/news/it-thai-news/551308