LINE แจ้งผู้ใช้งาน HUAWEI ระบบ HMS เตรียมย้ายไปติดตั้งแอปโดยตรงผ่านเว็บไซต์แทน

LINE แจ้งผู้ใช้งาน HUAWEI ระบบ HMS เตรียมย้ายไปติดตั้งแอปโดยตรงผ่านเว็บไซต์แทน

LINE Corporation ประกาศเตรียมถอดแอป LINE ออกจากสโตร์ AppGallery ในวันที่ 7 เมษายน 2565 ส่งผลให้หลังจากวันดังกล่าว สมาร์ทโฟน HUAWEI ในระบบ HMS จะไม่สามารถดาวน์โหลดแอป LINE ผ่าน AppGallery หรืออัปเดตใด ๆ ได้อีกต่อไป โดยจะต้องติดตั้งด้วยไฟล์ APK จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ LINE แทน

สำหรับผู้ที่ติดตั้งแอป LINE ผ่าน AppGallery อยู่ก่อนแล้ว ยังสามารถใช้งานต่อไปได้ตามปกติ แต่ในอนาคตอาจทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเมื่อแอปเริ่มล้าสมัย และจะไม่มีฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพราะไม่สามารถอัปเดตได้ ส่วนแอป LINE ที่จะปล่อยให้ดาวน์โหลดเป็นไฟล์ APK ทางบริษัทฯ แจ้งว่า บางฟังก์ชันอาจไม่ทำงาน เช่น การแจ้งเตือน

  • ลิงก์ดาวน์โหลด ไฟล์ APK ของ LINE สำหรับมือถือ HUAWEI (คลิก)

มือถือ HUAWEI ลงแอป LINE ผ่าน GSPACE เป็นอีกทางเลือก 

ทั้งนี้ ยังมีอีกทางเลือกที่น่าสนใจ คือ การติดตั้ง LINE ผ่าน Gspace ที่เป็นการจำลองการทำงานของระบบ GMS มาอีกทีหนึ่ง โดย Gspace สามารถดาวน์โหลดได้ผ่าน AppGallery ซึ่งเมื่อติดตั้งแล้ว แค่ล็อกอินด้วยบัญชี Google จากนั้นสามารถดาวน์โหลดแอป LINE ได้ตามปกติเลย ซึ่งจะมีข้อดีตรงที่ดึงแชตเก่า ๆ คืนมาได้

แต่ในทางตรงกันข้าม การเล่น LINE ผ่าน Gspace มีข้อจำกัดที่ควรทราบเช่นกัน ดังนี้

  • บางครั้งจะมีปัญหาเรื่องการแจ้งเตือน แต่มีทริกเล็กน้อย คือ เวลาออกจากแอป LINE ให้กดปุ่ม Home แทนที่จะเป็นปุ่ม Back
  • แอปที่รันผ่าน Gspace จะกินแบตมากกว่าปกติ

ขอขอบคุณ – Droidsands
.
.
.

รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก
facebook

#โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแท

เผยสเปก Realme GT Neo 3 ก่อนเปิดตัว 22 มีนาคมนี้!

เผยสเปก Realme GT Neo 3 ก่อนเปิดตัว 22 มีนาคมนี้!

Realme GT Neo3 จะเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรก ๆ ที่ใช้ชิป Dimensity 8100 และรุ่นนี้จะมีชิปพิเศษเพื่อช่วยหน่วยประมวลผลการ์ดจอ (Mali-G610 MC6) ในการควบคุมให้เฟรมเรตคงที่ และในบางกรณีอาจช่วยประหยัดพลังงานได้ด้วย!

ชิปดังกล่าวจะทำงานด้วยเทคโนโลยี MEMC (Motion Estimation, Motion Compensation) ซึ่งเป็นการแก้ไขเฟรม โดยเพิ่มเฟรมเพิ่มเติมระหว่างเฟรมต้นฉบับ เช่น จาก 30 เฟรมต่อวินาที ให้กลายเป็น 60 เฟรมต่อวินาที โดยชิปตัวนี้สามารถแก้ไขเฟรมเรตได้สูงสุด 120 เฟรมต่อวินาที เพื่อให้หน้าจอทำงานด้วยประสิทธิภาพสูงสุด

คลิปจาก Creator Studio ได้ทำการเปรียบเทียบการเล่นเกม Genshin Impact ด้วยชิป Dimensity 8100 (ครึ่งบน) เทียบกับครึ่งล่างที่ใช้เทคโนโลยีการเพิ่มเฟรมที่ 90 เฟรมต่อวินาที ซึ่งทำให้เราเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนขึ้น โดย Realme จะเปิดตัว GT Neo 3 ในวันที่ 22 มีนาคมนี้!

ขอขอบคุณ – Sanook
.
.
.

รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก
facebook

#โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแท

Whoscall แอปฯ ควรมีในยุคแก๊งคอลเซ็นเตอร์ป่วนเมือง

Whoscall แอปฯ ควรมีในยุคแก๊งคอลเซ็นเตอร์ป่วนเมือง

ทุกวันนี้คนในสังคมกำลังตื่นรู้กับภัยหลอกลวงจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่พยายามโทรหาเหยื่อแล้วเล่นละครโรงใหญ่ให้ดูน่าเชื่อถือ โดยการขยันหามุกใหม่ ๆ มาหลอกให้คนเชื่อ แม้ข่าวทั้งจากสื่อหลักและสื่อออนไลน์จะออกโรงเตือนกันคึกโครม

แต่ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยตกเป็นเหยื่อพวกมันอยู่ดี มุกไหนที่คนเริ่มจับไต๋ได้แล้วจนนำมาเตือนภัยต่อ ๆ กัน กลโกงของแก๊งนี้ก็จะมีการปรับเปลี่ยนพลิกแพลงจากเดิมเล็กน้อย ส่วนใหญ่จะเปลี่ยนฉากการดำเนินเรื่อง แต่ตัวบทยังใกล้เคียงเดิม ซึ่งมันก็ยังหลอกคนได้ไม่น้อยเช่นเคย

อย่างไรก็ดี การหลอกลวงทางโทรศัพท์นั้นมีมานานหลายปีแล้ว สมัยก่อนตอนที่โทรศัพท์มือถือของทุกคนยังเป็นโทรศัพท์ 2G ธรรมดา เทคโนโลยียังไม่เจริญเท่าทุกวันนี้ เมื่อมีข่าวเตือนภัยเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำให้หลาย ๆ คนระมัดระวังตัวกันมากขึ้น โดยหลีกเลี่ยงที่จะรับเบอร์แปลกที่โทรเข้ามา แต่เบอร์แปลก ๆ ที่ไม่ได้บันทึกชื่อผู้ติดต่อก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นแก๊งหลอกลวงไปเสียหมด อาจเป็นญาติหรือคนรู้จักที่แค่ใช้เบอร์ใหม่โทรหา หรือบางทีอาจเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่ติดต่อมา การไม่รับเบอร์แปลกเพราะกลัวสายหลอกลวงจึงทำให้โอกาสตรงนี้เสียไป

ในเมื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังมีวิวัฒนาการ คนในสังคมก็ควรต้องวิวัฒนาการให้ทันเช่นกัน บนโลกที่เทคโนโลยีมาได้ไกลถึงขนาดนี้ ก็น่าจะมีตัวช่วยเด็ด ๆ ไว้รับมือพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างชาญฉลาดกว่าเมื่อก่อน Tonkit360 ขอนำเสนอแอปพลิเคชันตัวหนึ่งที่กล้าเรียกว่าแอปฯ สามัญประจำโทรศัพท์มือถือ เพื่อเอาไว้กรองพวกเบอร์แปลก ๆ ที่โทรเข้ามา ว่าเราควรจะกดรับหรือไม่รับดี

แอปฯ Whoscall ที่ช่วยระบุได้ว่า “ใครโทรมา”

Whoscall ไม่ใช่แอปฯ น้องใหม่ เพราะแอปฯ นี้เปิดตัวครั้งแรกมาตั้งแต่ปี 2010 แล้ว พัฒนาขึ้นโดยบริษัท Gogolook ซึ่งเป็นบริษัท Startup จากไต้หวัน ที่เห็น “Whoscall” เหมือนจะสะกดแปลก ๆ นั้น เป็นเพราะจริง ๆ แล้วคำว่า Whoscall นั้น ย่อมาจาก Who is calling? นั่นเอง การทำงานหลัก ๆ ของ Whoscall คือการแจ้งเตือนบนหน้าจอโทรศัพท์ของเรา ว่าสายเรียกเข้าที่กำลังโทรหาเราอยู่นั้นคือใคร มาจากไหน แม้ว่าเราจะไม่เคยบันทึกเบอร์นี้ไว้ในเครื่องหรือในซิมโทรศัพท์เราก็ตาม

เนื่องจากปัจจุบัน การซื้อซิมโทรศัพท์มาใช้งาน ทุกหมายเลขจะต้องทำการลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชนเสียก่อนจึงจะสามารถใช้งานได้ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ซื้อซิมมาแล้วเสียบใส่เครื่องแล้วใช้ได้เลย ซิมหมายเลขเก่า ๆ ก็ต้องมีการยืนยันตัวตนเช่นกัน ไม่เช่นนั้นก็ใช้งานต่อไม่ได้ ซึ่งการลงทะเบียนใช้งานเบอร์โทรศัพท์นี่แหละทำให้มีฐานข้อมูลว่าเบอร์โทรศัพท์นี้ใครเป็นผู้ถือใช้งาน เมื่อเกิดเรื่องหรือเป็นคดีความขึ้นมาจะได้สาวถูกตัว

ซึ่งแอปพลิเคชัน Whoscall ก็คือตัวช่วยในการตรวจสอบเบอร์แปลกที่โทรเข้ามาหาเรา ด้วยวิธีการดึงข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตและฐานข้อมูลของแอปฯ เองที่มีข้อมูลเบอร์โทรศัพท์กว่า 700 ล้านหมายเลขทั่วโลก และผู้ใช้งานก็สามารถมีส่วนร่วมในการเพิ่มรายชื่อได้ว่าเบอร์นี้เป็นของใคร ทำให้ข้อมูลเบอร์โทรศัพท์อัปเดตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อยู่ตลอดเวลาตามที่ผู้ใช้งานเคยรายงานเกี่ยวกับเบอร์นี้

นั่นหมายความว่าหากเป็นเบอร์ของมิจฉาชีพ ผู้ใช้งานก็สามารถรายงานเข้าไปได้ว่าเบอร์นี้อันตราย ห้ามรับ เมื่อระบบตรวจสอบว่าเป็นมิจฉาชีพจริง ๆ หน้าจอก็จะขึ้นว่ามิจฉาชีพ เมื่อเบอร์นี้พยายามโทรไปหาคนเหยื่อรายอื่น ๆ ที่ใช้บริการแอปฯ นี้เหมือนกัน พอเห็นแจ้งเตือนที่หน้าจอว่าเป็นมิจฉาชีพ เราก็เลือกที่จะไม่รับสาย ตัดสายทิ้ง หรือแม้กระทั่งบล็อกเบอร์ไปเลย ทำให้เบอร์นี้จะไม่สามารถโทรหาเราได้อีก

นอกจากนี้ตัวแอปฯ ยังสามารถใช้ค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ เพื่อตรวจสอบว่าเบอร์นั้น ๆ เคยถูกรายงานจากกลุ่มผู้ใช้งานว่าเป็นเบอร์อันตรายหรือไม่ได้ด้วย ในกรณีที่มีได้เบอร์โทรศัพท์มาจากที่ไหนสักที่ หรือเบอร์แปลกที่โทรเข้ามาแล้วเราไม่ได้รับ (แต่ปกติแอปฯ ก็จะขึ้นชื่อที่ถูกผู้ใช้งานรายอื่น ๆ บันทึกไว้) เราจึงสามารถตรวจสอบเบอร์นั้นได้เองแบบง่าย ๆ ว่าปลอดภัยไหมที่จะโทรหาหรือโทรกลับ โดยสามารถกดบล็อกหรือรายงานเบอร์นั้นได้ทันที

ไม่ใช่แค่สายที่โทรเข้า ข้อความที่ส่งมาก็รายงาน

ไม่ใช่แค่การรายงานเบอร์แปลกต่าง ๆ ที่โทรหาเราเท่านั้นว่าเป็นใคร โทรมาจากไหน แต่ Whoscall ยังมีความสามารถในการจัดการกับข้อความหรือ SMS ด้วยว่าปลอดภัยหรือไม่ด้วยหลักการเดียวกัน หากเป็นข้อความมาจากหมายเลขที่น่าสงสัย และตัวข้อความมีลักษณะเป็นสแปม หลอกลวง มีลิงก์ให้กดเพื่อพาเราไปยังหน้าอื่น ๆ ซึ่งการกดลิงก์ก็อาจทำให้เรามีความเสี่ยงที่จะถูกแฮกข้อมูลต่าง ๆ การพนัน กู้เงิน แอปฯ จะรายงานว่าเป็นสแปมและบล็อกให้เราทันที ส่วนข้อความที่น่าเชื่อถือ รู้ที่มาที่ไป ก็จะถูกแสดงให้เราเห็นตามปกติ

หรือถ้าข้อความถูกแสดงให้เราเห็นตามปกติ เพราะฐานข้อมูลไม่ได้แจ้งว่าเป็นข้อความที่อันตราย จะมีฟังก์ชันให้เราสแกนลิงก์ URL ที่แนบด้วยว่าปลอดภัยที่จะกดเข้าไปหรือไม่ด้วย เพิ่มความปลอดภัยให้อีกขั้นในการเปิดอ่านข้อความต่าง ๆ

การมาของโซเชียลมีเดียและแอปฯ แชตต่าง ๆ ทำให้ฟังก์ชันข้อความในมือถือมีการใช้งานน้อยลง จากที่เมื่อก่อนหากไม่สะดวกโทรหา เราก็จะส่งข้อความ SMS หาผู้ติดต่อเพื่อแจ้งให้ทราบ แต่ทุกวันนี้หากเป็นการส่งข้อความหาคนรู้จักกัน เราจะใช้แอปฯ แชตต่าง ๆ แทน ดังนั้น ข้อความที่เราได้รับทางโทรศัพท์ทุกวันนี้จึงมักจะเป็นข้อความจากผู้ให้บริการในด้านต่าง ๆ มากกว่าที่จะเป็นข้อความจากบุคคล เมื่อเป็นเบอร์ส่วนบุคคลส่งข้อความมาหาเราและมีเนื้อหาที่เป็นอันตราย แอปฯ ก็จะแจ้งว่าเป็นข้อความสแปม อันตราย และบล็อกให้เราทันที

แอปฯ ดี ๆ ที่ควรมีติดเครื่อง เพราะช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ

จุดประสงค์ของแอปฯ นี้ คือแสดงเบอร์แปลก รวมถึงข้อความจากเบอร์ที่เราไม่รู้จักที่กำลังติดต่อหาเราอยู่ ว่าต้นทางมาจากไหน เป็นใคร ถ้าชื่อที่ขึ้นแจ้งเตือนบ่งบอกว่าอันตราย เราก็เลือกที่จะไม่กดรับสาย หรือจะบล็อกเบอร์นั้นไปเลยก็ได้ เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน นอกจากนี้ยังสามารถเช็กได้ด้วยว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่หรือเบอร์สำนักงาน รวมถึงจดทะเบียนกับผู้ให้บริการเครือข่ายรายใด สามารถใช้งานแบบออฟไลน์หรือไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ด้วย

ด้วยศักยภาพการทำงานของแอปฯ นี้ ทำให้ได้รับความนิยมดาวน์โหลดมาใช้งานกว่า 50,000,000+ ครั้ง และถูกพัฒนาให้รองรับการทำงานทั้งบน Android, iOS และ Windows Phone

จากประสบการณ์ที่ดาวน์โหลดมาใช้งานได้ราว ๆ 2 ปี พบว่าสามารถใช้งานได้จริงและค่อนข้างแม่นยำทีเดียว ยังไม่เคยประสบปัญหาการใช้งานใด ๆ ที่สำคัญยังมีประโยชน์มากจริง ๆ ต่อการตัดสินใจที่จะรับสายที่โทรเข้า เราสามารถเลือกได้ว่าจะรับเฉพาะสายที่อยากรับ และการเตือนภัยว่าเป็นเบอร์อันตราย ถ้าเรากลัวหรือรำคาญมาก ๆ ก็บล็อกไปซะเลย

ส่วนใครกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว การกดยอมรับกฎ เงื่อนไข หรือการอนุญาตต่าง ๆ ก็ขอให้เข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติที่เราต้องกดอนุญาต ไม่เช่นนั้นแอปฯ ก็ไม่สามารถเข้าถึงเพื่อจัดการและใช้งานได้ ทว่าเราสามารถเลือกได้ว่าเราจะให้แอปฯ เข้าถึงได้มากน้อยแค่ไหน เพราะแอปฯ จะขออนุญาตเป็นส่วน ๆ ไป อย่างกล้องหรือคลังภาพ หากเราไม่สะดวกใจที่จะให้แอปฯ เข้าถึง จะกดไม่อนุญาตก็ได้ เพราะส่วนที่สำคัญกว่าคือฟังก์ชันการโทรและข้อความ ที่ถ้าแอปฯ เข้าถึงไม่ได้และไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้งาน จะใช้งานได้อย่างไร

ขอขอบคุณ – Sanook
.
.
.

รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก
facebook

#โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแท

HUAWEI เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่น nova 9 SE ราคาเพียง 9,490 บาทเท่านั้น!

HUAWEI เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่น nova 9 SE ราคาเพียง 9,490 บาทเท่านั้น!

หัวเว่ยเปิดตัว HUAWEI nova 9 SE สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ โดนใจสาย Vlog กับกล้องหลักความละเอียดสูงสุด 108MP มาพร้อมโหมด Dual-View Video และการถ่ายวิดีโอกล้องหน้า-หลังพร้อมกันแบบ non-stop และเทคโนโลยีชาร์จไว HUAWEI SuperCharge 66W ทุกสเปกจัดเต็มในราคาเพียง 9,490 บาทเท่านั้น!

หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) บุกตลาดสมาร์ทโฟนอย่างต่อเนื่อง เปิดตัว HUAWEI nova SE สมาร์ทโฟนสุดคูลเพื่อสาย Vlog ชูความโดดเด่นด้านนวัตกรรมการถ่ายรูป และวิดีโอ รวมถึงองค์ประกอบการออกแบบที่ทันสมัย HUAWEI nova 9 SE พร้อมจุดประกายแรงบันดาลใจใหม่ๆ ด้วยระบบกล้องอันทรงพลังและคุณสมบัติการถ่ายวิดีโอแบบบูรณาการ ซึ่งสร้างความเป็นไปได้แบบที่ไม่เคยมีมาก่อนให้กับผู้ใช้ในขณะที่บันทึกช่วงเวลาต่างๆ ในชีวิตภายใต้คอนเซ็ปต์ “Be inspired, Be nova.”

ครั้งนี้ HUAWEI nova 9 SE มีให้เลือก 2 สี คือ Crystal Blue และ Midnight Black วางจำหน่ายในราคา 9,490 บาทเท่านั้น! พร้อมโปรโมชันพรีออเดอร์รับของสมนาคุณและสิทธิพิเศษสุดคุ้มมากมายตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2565 ถึง 25 มีนาคม 2565 ทาง HUAWEI Experience Store ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมทั้งช่องทางออนไลน์ที่ HUAWEI Store และร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการของหัวเว่ยใน Shopee, Lazada และ JD Central

untitled-3

HUAWEI nova SE มาพร้อมระบบกล้องความละเอียดสูงถึง 108MP อันทรงพลัง ที่ให้เลนส์มาแบบจัดเต็มถึง 4 ตัว มอบภาพถ่ายคุณภาพยอดเยี่ยมในโหมดพิกเซลระดับสูง ตอบโจทย์ทั้งการถ่ายภาพทิวทัศน์ ภาพบุคคล สถาปัตยกรรม หรืออื่นๆ และไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน HUAWEI nova 9 SE จะบันทึกสิ่งที่คุณเห็นได้อย่างละเอียด เอาใจสายคอนเทนต์ด้วยฟีเจอร์ที่ช่วยให้การถ่ายวิดีโอทำคอนเทนต์เก๋ๆ แต่ได้คุณภาพระดับมืออาชีพเป็นเรื่องง่าย อย่างการถ่ายวิดีโอกล้องหน้า หลังพร้อมกันด้วยโหมด Dual-View Video และการถ่ายวิดีโอสลับระหว่างกล้องหน้าและกล้องหลัง Continuous Front/Rear Recording

โดยที่ไม่ต้องหยุดเรคคอร์ด รับประกันประสบการณ์ที่ลื่นไหลด้วยอัตราการรีเฟรชหน้าจอ 90Hz บนหน้าจอ HUAWEI FullView Display นอกจากนี้ยังสามารถรองรับการทำงานได้ครบทุกมิติตลอดทั้งวันด้วยขนาดความจุแบตเตอรี่ที่ยอดเยี่ยม 4000mAh พร้อมรองรับการชาร์จไว HUAWEI SuperCharge 66W ทำงานควบคู่กับเทคโนโลยีการระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ  

รวมถึงยังมอบประสิทธิภาพการทำงานที่ไร้รอยต่อ ผสานการทำงานระหว่างสมาร์ทโฟนกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของหัวเว่ย ได้ง่ายผ่านฟีเจอร์ HUAWEI One Hop เพื่อการเชื่อมต่อและความคล่องตัวในทุกมิติของการใช้ชีวิต เผยเซอร์ไพรส์สุดพิเศษกับความร่วมมือกันเป็นครั้งแรกระหว่างหัวเว่ยกับนางเอกสาวสวยมากความสามารถ “มุก วรนิษฐ์ ถาวรวงศ์” ที่จะมาร่วมเผยเคล็ดลับและเทคนิคการทำ Vlog ถ่ายภาพ ทำคอนเทนต์สร้างแรงบันดาลใจให้สนุก โดดเด่น เน้นประสิทธิภาพกว่าที่เคย

โปรจัดๆ ประทับใจสาย Vlog! อัดวิดีโอกล้องหน้า-หลังพร้อมกันผ่านโหมด Dual-View Video พร้อมตัดต่อคลิปอัปลงโซเชียลทันใจผ่าน Petal Clip

บรรยากาศการสร้างสรรค์วิดีโอจะเปลี่ยนไป เมื่อ HUAWEI nova 9 SE ที่อัดแน่นไปด้วยนวัตกรรมใหม่ จะทำให้ผู้ใช้สามารถแสดงออกและเติมเต็มแรงบันดาลใจผ่านวิดีโอได้ง่ายด้วยลูกเล่นมากมาย เช่นโหมด Dual-View Video ทำให้กดเรคคอร์ดเหตุการณ์ได้พร้อมกันโดยใช้ทั้งกล้องด้านหน้าและด้านหลังออกมาเป็นวิดีโอคลิปเดียวได้แบบประหยัดเวลา

โดยจะแสดงผลภาพวิดีโอแบ่งเป็นสองหน้าจอแบบเรียลไทม์ขณะอัด ทั้งยังมี Continuous Front/Rear Recording ที่จะทำให้การอัดวิดีโอสลับไปมาระหว่างกล้องหน้ากล้องหลัง สนุกไร้สะดุดได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถบันทึกเรื่องราวและความรู้สึกสำคัญๆ ในชีวิตได้อย่างลื่นไหลภายในวิดีโอไฟล์เดียว ที่สำคัญกระบวนการตัดต่อวิดีโอยังทำได้ง่ายขึ้นด้วย Hybrid Video and Image Search ค้นหาวิดีโอและภาพในเครื่องที่ต้องการภายใต้คีย์เวิร์ด 280 คำ ได้ทันใจพร้อมตัดต่อคลิปเทพๆ ผ่าน Petal Clip แอปพลิเคชันที่เหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์ต้องยกนิ้วให้เพราะเป็นแอปฯ ตัดคลิปที่มาพร้อมกับเครื่องแบบครบครันสุดๆ ด้วยเทมเพลตวิดีโอ ธีม และเพลงให้เลือกมากมายจาก HUAWEI Music ตอบโจทย์ Vlogger ทุกสายให้ทำคลิป โพสต์คอนเทนต์ดีๆ ลงโซเชียลมีเดียได้ในเวลาเรียลไทม์

นอกจากนี้ HUAWEI nova 9 SE ยังรองรับชัตเตอร์ระยะไกลผ่านการเชื่อมต่อกับ HUAWEI WATCH GT Series, HUAWEI WATCH FIT Series และ HUAWEI Band Series เป็นต้น นั่นหมายความว่าคุณสามารถตั้งค่า HUAWEI nova 9 SE ของคุณบนขาตั้งกล้องและถ่ายเซลฟี่แบบกลุ่มได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องกังวลกับการจัดวางท่าโพสต์ที่น่าอึดอัดอีกต่อไป

ต่อยอดแรงบันดาลใจ ไปให้สุดด้วยเทคโนโลยีกล้องหลักความละเอียดสูง 108MP

HUAWEI nova 9 SE แตกต่างจากสมาร์ทโฟนทั่วไป โดยครั้งนี้มาพร้อมด้วยระบบ AI Quad Camera 108MP ซึ่งประกอบไปด้วยกล้องหลัก 108MP เลนส์มุมกว้างพิเศษ 8MP เก็บภาพได้รอบด้านถึง 112 องศา เลนส์โบเก้ 2MP และเลนส์มาโคร 2MP ด้วยจำนวนพิกเซลที่มากขึ้น กับกล้องหลักความละเอียดสูงพิเศษ 108MP จะช่วยให้ผู้ใช้เก็บรายละเอียดได้ครบสร้างภาพถ่ายที่คมชัด สมจริง โดดเด่นไปกับ Super Night Shot ที่ช่วยให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือภาพในยามค่ำคืนได้คมชัดสวยสมจริงอย่างน่าทึ่ง

ทั้งยังทำให้ความสามาถในการรับแสงดีขึ้นกว่าเดิมและยังลดนอยส์ของภาพได้ละเอียดยิ่งขึ้น เพราะด้วยเทคโนโลยี Pixel binning แบบ 4-in-1 ของ HUAWEI nova 9 SE ที่ทำการรวมเม็ดพิกเซลบริเวณใกล้เคียงกันเข้าด้วยกัน ด้วยเทคนิคนี้เราจึงได้เซ็นเซอร์ความละเอียดสูงสำหรับถ่ายภาพในสถานการณ์ที่แสงพอเพียง และเซ็นเซอร์คุณภาพเยี่ยมในการถ่ายในที่แสงน้อย อีกทั้งกล้องหลัก ยังมีเซนเซอร์ขนาดใหญ่ถึง 1/1.52 นิ้ว ให้ความละเอียดและความไวแสงที่ยอดเยี่ยม พร้อมความคมชัดสูงสุดในทุกภาพ

นอกจากนี้ยังมีกล้องหน้ามุมกว้าง 16MP พร้อม AI Beauty ที่จะทำให้คุณดูดีในทุกมิติของการถ่ายภาพ รวมถึงรองรับการสลับโหมดอัตโนมัติให้เป็นโหมดแบบมุมกว้างเมื่อหมุนโทรศัพท์จากแนวตั้งไปแนวนอน เพื่อทำให้การเซลฟี่กลุ่มง่ายขึ้นอีกด้วย

ทำคอนเทนต์สุดสร้างสรรค์แบบไม่มีสะดุดด้วยแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่าเดิม พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จไว

HUAWEI nova 9 SE สมาร์ทโฟนดีไซน์โดดเด่นเฉพาะตัว ด้วยหน้าจอ HUAWEI FullView Display ขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว อัตราการรีเฟรชหน้าจอ (Refresh Rate) 90Hz และอัตราการตอบสนองของนิ้วสัมผัส (Touch Sampling Rate) 270Hz ที่ทำให้ทุกการสัมผัสบนหน้าจอเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและความลื่นไหลทันใจ เล่นเกมสุดมัน ใช้งานสมาร์ทโฟนภาพรวมคล่องตัว

การกลับมาครั้งนี้ HUAWEI nova 9 SE ยังจัดเต็มในเรื่องของแบตเตอรี่ที่มาพร้อมความจุสูง 4,000mAh และเทคโนโลยีชาร์จไว HUAWEI SuperCharge 66W ซึ่งใช้เวลาเพียง 15 นาทีในการชาร์จโทรศัพท์ได้ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ หรือใช้เวลาประมาณ 40 นาทีในการชาร์จเต็มเท่านั้น  หมดกังวลเรื่องเครื่องร้อนด้วยเทคโนโลยี Graphene Heat Dissipation ที่ช่วยระบายความร้อนได้ไว รวมถึงได้รับการรับรองโดย TÜV Rheinland Safe Fast Charge Certification ว่า HUAWEI nova 9 SE นั้นใส่ใจ ส่งมอบประสบการณ์การชาร์จที่ทั้งรวดเร็ว และปลอดภัยแก่ผู้ใช้งาน

เต็มอิ่มกับความบันเทิงครบรส ค้นหาทุกแอปฯ โปรดของคุณได้จาก AppGallery

ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอปฯ โปรดจาก AppGallery ซึ่งเป็นคลังแอปฯ ขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สามของโลก ขณะนี้มีให้บริการในกว่า 170 ประเทศ โดยมีผู้ใช้งานทั่วโลกต่อเดือนมากถึง 580 ล้านคน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564) โดยในปี 2564 มียอดดาวน์โหลดมากกว่า 432 พันล้านครั้ง นี่เป็นข้อพิสูจน์ถึงการเติบโตและความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ AppGallery ผู้ใช้สามารถค้นหาและดาวน์โหลดแอปฯ พร้อมสิทธิพิเศษมากมายในหลากหลายหมวดหมู่ ทั้งเกม โซเชียลมีเดีย การศึกษา ชอปปิ้ง ไลฟ์สไตล์ และแฟชั่น พบกับแอปฯ ยอดนิยมมากมาย เช่น Flash, LOOX TV, MONOMAX, Rabbit Rewards, Major Cineplex, Blockdit, myAIS และอีกมากมาย ฟากฝั่งของแอปฯ ที่ช่วยในเรื่องการทำงานก็ไม่น้อยหน้า มีมาให้ครบครัน ประกอบไปด้วย Touchnotes, WPS Office และ Jnotes เป็นต้น นอกจาก AppGallery แล้ว HUAWEI nova 9 SE ยังส่งมอบความเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ดิจิทัลที่ครอบคลุมและไร้รอยต่อผ่านแอปฯ ต่างๆ ของหัวเว่ย เช่น แอปฯ นำทาง Petal Maps และเครื่องมือค้นหา Petal Search เพื่อตอบสนองความต้องการในแต่ละวัน ด้วยความบันเทิงมากมายระหว่างเดินทาง

ขอขอบคุณ – Sanook
.
.
.

รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก
facebook

#โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแท

Samsung เปิดตัว Galaxy A Series รุ่นปี 2022 แล้วอย่างเป็นทางการ

Samsung เปิดตัว Galaxy A Series รุ่นปี 2022 แล้วอย่างเป็นทางการ

Samsung ได้เปิดตัว Galaxy A Series รุ่นปี 2022 แล้วอย่างเป็นทางการ โดยรอบนี้มีทั้งหมด 3 รุ่นที่เปิดตัวก่อนและมาพร้อมกับเทคโนโลยี 5G และขุมพลังเป็น Exynos 1280 ทั้งหมด แต่ว่าจะตแตกต่างกันที่ตรงไหนเรามาดูกัน

Galaxy A73 5G

เริ่มจากพี่ใหญ่กันก่อนกับหน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว SuperAMOLED มาพร้อมกับ Refresh Rate 120Hz มากกว่ารุ่นเดิม และรอบนี้มีรุ่น 5G ให้เลือกทั้งนี้มือถือรุ่นนี้จะได้ RAM 6 / 8GB ความจำ 128 / 256GB เพิ่มผ่าน MicroSD

a72_5

กล้องหลังความละเอียด 108 ล้านพิกเซล F/1.8 พร้อมกับ OIS และมีกล้องมุมกว้าง 12 ล้านพิกเซล, และ Macro และ Depth Sensor ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล ทั้งนี้แบตเตอรี่มีขนาด 5000 mAh รองรับกำลังชาร์จไฟ 25W

ส่วนราคายังไม่เปิดเผยและวางจำหน่ายบางตลาดเท่านั้น เริ่มวางจำหน่าย 22 เมษายน

Galaxy A53 5G

1

น้องชายคนกลางมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว Super AMOLED ความละเอียด FHD+ Refresh Rate 120 Hz กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล กล้องหลังยังได้ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล, F/1.8 พร้อมกับกล้องมุมกว้าง 12 ล้านพิกเซล, กล้อง 5 ล้านพิกเซล Depth Sensor / Macro ให้

ทั้งนี้มารเพิ่มเทคโนโลยีทำให้การถ่ายภาพกลางคืนได้ดีมากขึ้น และมีฟีเจอร์ช่วงจัดการ Frame Rate อัตโนมัติ ทำให้ภาพที่ออกมานั้นถือว่าทำได้ดี

แต่ดีไซน์เปลี่ยนแปลงให้สวยงามมากขึ้นและมีแบตเตอรี่มากขึ้นเป็น 5000 mAh แต่กำลังชาร์จไฟ 25W เท่าเดิม

โดยมือถือรุ่นใหม่นี้จะวางจำหน่ายทั่วโลก โดยมีราคา 450 – 510 ยูโร 16,xxx – 18,xxx บาท และมีความจำให้เลือกระหว่าง RAM 6GB / 128GB และ RAM 8GB / 256GB ส่วนประเทศไทยจำหน่ายในราคา 14,499 บาท ในรุ่น RAM 6GB / ROM 128GB แต่สำหรับ Pre-Order จะมีการอัปเกรดเป็น RAM 8GB / ROM 256GB 

Galaxy A33 5G

a33_2

ภาพรวมของรุ่นนี้ Galaxy A33 5G จะมีขนาดหน้าจอ 64 ล้านพิกเซล ความละเอียด Full HD รองรับ Super AMOLED และ Refresh Rate 90Hz

กล้องหลัง 48 ล้านพิกเซล F/1.8 พร้อมกับ OIS ในตัวมีกล้องมุมกว้าง 8 ล้านพิกเซล และมีเลนส์ Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และ Depth Sensor ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล โดยแบตเตอรี่ให้ขนาด 5000 mAh ใช้งานได้ 2 วัน

a33_4

และมีความจำให้เลือกทั้ง RAM  6/128 GB และ  8/256 GB และกันน้ำ IP67

ส่วนสีสั้นทั้ง 2 รุ่นคือ  Awesome Peach, Awesome White, Awesome Black และ Awesome Blue โดยราคาของ Galaxy A33 5G อยู่ที่ 370 ยูโร หรือ 13,xxx บาท ส่วนประเทศไทยรอจำหน่ายเร็วๆ นี้

ส่วนประเทศไทยจะนำรุ่นไหนมาจำหน่ายต้องรอดูติดตามกันต่อไป

ขอขอบคุณ – Sanook
.
.
.

รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก
facebook

#โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแท

หลุดภาพดีไซน์แรกของ iPhone 14 Pro พร้อมติ่งหน้าจอที่เล็กลง

หลุดภาพดีไซน์แรกของ iPhone 14 Pro พร้อมติ่งหน้าจอที่เล็กลง

เว็บไซต์ 91Mobiles ได้เผยภาพ Render แรกของ iPhone 14 Pro อย่างเป็นทางการ ซึ่งจากข้อมูลเดิมมีการเปิดเผยว่า  iPhone ใหม่ จะมีติ่งหน้าจอที่ไม่ใหญ่อีกต่อไป

ซึ่งภาพ Render ชุดนี้แสดงให้เห็นระหว่างติ่งของ iPhone ที่เล็กลงแล้วยังมาพร้อมกับด้านหลังคล้ายกับของเดิมคือมีกล้องมาให้แค่ 3 ตัวพร้อมกับ LiDAR และ LED Flash แบบสีดวง และยังคงเป็นกระจกทั้งหมดคาดว่าขอบตัวเครื่องจะเป็นสแตนเลสเหมือนเดิม และบางลงกว่าเดิม แถมช่องสียบข้างล่างเป็นแบบ Lightning Port เช่นเคย

โดยขนาดของ iPhone 14 Series นั้นจะมาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้วสำหรับรุ่นปกติและ 14 Pro ไม่มีรุ่น Mini อีกต่อไป จะเป็น iPhone 14 Max ขนาดหน้าจอ 6.7 นิ้วแทน การเปลี่ยนแปลงขุมพลังรอบนี้จะทำกับ iPhone 14 Pro และ 14 Pro Max ด้วย A16 Bionic ส่วนรุ่น 14 และ 14 Max จะได้ A15 Bionic เหมือนกับ iPhone 13 Series

ทั้งนี้ต้องลุ้นกันต่อไปว่ามันจะเป็นจริงแค่ไหน

ขอขอบคุณ – Sanook
.
.
.

รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก
facebook

#โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแท

เปิดตัว Xiaomi 12 Series สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด

เปิดตัว Xiaomi 12 Series สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด

เสียวหมี่ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด Xiaomi 12 Series ทั่วโลก พร้อมให้ลูกค้าชาวไทยเลือกเป็นเจ้าของ 2 รุ่น ได้แก่ Xiaomi 12 Pro และ Xiaomi 12

xiaomi12series_7

Master every scene ไปกับ Xiaomi 12 Series

สมาร์ทโฟนเรือธงถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้ทั่วโลกเหมือนมีสตูดิโอถ่ายวิดีโอส่วนตัวพกติดตัวไปด้วย และยังเป็นแหล่งความบันเทิงที่ทันสมัยอีกด้วย Xiaomi 12 Series มาพร้อมความล้ำหน้าด้านการประมวลผล AI อัลกอริทึมที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของเสียวหมี่ ขุมพลังการประมวลผลระดับเรือธง และการยกระดับประสบการณ์การใช้งานรอบด้าน

เก็บภาพระดับภาพยนตร์ได้ทุกเมื่อ

Xiaomi 12 Series ช่วยให้ผู้ใช้สามารถบันทึกภาพคุณภาพระดับสตูดิโอได้ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตามไม่ว่าจะเป็นสภาพแสงที่ท้าทายหรือแม้แต่วัตถุที่กำลังเคลื่อนที่ โทรศัพท์ทั้งสองรุ่นมีกล้องสามตัวระดับโปรที่สามารถถ่ายภาพได้อย่างหลากหลาย ประกอบไปด้วยกล้องมุมกว้าง 50 ล้านพิกเซลพร้อมความสามารถในการบันทึกภาพ 8K ทั้งบน Xiaomi 12 Pro และ Xiaomi 12

xiaomi-12-1

Xiaomi 12 Pro มาพร้อมความโดดเด่นของแผงกล้อง 50 ล้านพิกเซลที่ล้ำสมัยซึ่งมีเซ็นเซอร์หลักขนาดใหญ่พิเศษจาก Sony IMX707 เซ็นเซอร์นี้สามารถรวบรวมแสงได้ในปริมาณมากขึ้นซึ่งจะช่วยเสริมความสามารถในการผลิตภาพคุณภาพสูงด้วยความเร็วโฟกัสที่เร็วขึ้นและความแม่นยำของสีที่เพิ่มขึ้น

ในขณะที่ Xiaomi 12 มาพร้อมกล้องอัลตร้าไวด์ 13 ล้านพิกเซลและกล้องเทเลมาโคร 5 ล้านพิกเซล สำหรับการถ่ายภาพต่างๆ ในมุมมองที่แตกต่างออกไป

นอกเหนือจากฮาร์ดแวร์ที่น่าประทับใจแล้ว Xiaomi 12 Pro และ Xiaomi 12 ยังพัฒนา AI อัลกอริทึมที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะตัวของเสียวหมี่อีกด้วย นวัตกรรมเหล่านี้ทำให้ผู้ใช้งานสามารถบันทึกทุกช่วงเวลาตามต้องการได้ง่ายกว่าที่เคย แม้ในที่ที่มีแสงน้อยหรือจะเป็นวัตถุที่เคลื่อนไหว Xiaomi ProFocus สามารถระบุและติดตามวัตถุได้อย่างชาญฉลาด

รวมไปถึงป้องกันภาพเบลอหรือภาพที่ไม่โฟกัสของวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่อยู่หรือถูกบดบัง ความล้ำหน้านี้ยังรวมไปถึงความสามารถในการโฟกัสอัตโนมัติที่ดวงตาและใบหน้าอีกด้วย ในขณะที่ Ultra Night Video นั้นก็ใช้อัลกอริทึมที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของเสียวหมี่ในการบันทึกวิดีโอได้แม้ในสภาวะแสงน้อยมาก AI Cinema แบบคลิกเดียว (One-click AI Cinema) มีตัวเลือกสร้างสรรค์มากมายสำหรับการตัดต่อวิดีโอ อาทิโหมด Parallel World, Freeze Frame Video และโหมด Magic Zoom

การประมวลผลระดับเรือธงกับประสิทธิภาพที่ไม่เคยมีมาก่อนพร้อมการประหยัดพลังงาน

ประสบการณ์ระดับเรือธงนั้นต้องอาศัยประสิทธิภาพระดับเรือธงเช่นกัน Xiaomi 12 Pro และ Xiaomi 12 ใช้โปรเซสเซอร์ Snapdragon® 8 Gen 1 สร้างขึ้นบนกระบวนการประมวลผล 4nm โปรเซสเซอร์นี้ช่วยเพิ่มความสามารถในการแสดงผลกราฟิก GPU ได้มากขึ้นถึง 30% และประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงาน 25% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับ UFS 3.1 ที่ให้ความเร็วในการโหลดและถ่ายโอนข้อมูลอันยอดเยี่ยม พร้อมด้วย LPDDR5 RAM เพื่อเพิ่มความเร็วของหน่วยความจำสูงถึง 6,400Mbps

xiaomi12
xiaomi12pro

เพื่อประสบการณ์การใช้งานผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด Xiaomi 12 Series มาพร้อมระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง เสริมด้วยช่องระบายไอน้ำขนาดใหญ่พิเศษและกราไฟท์หลายชั้นเพื่อระบบระบายความร้อนได้อย่างยอดเยี่ยม

ยกระดับประสบการณ์ความบันเทิงรอบด้าน

สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นให้การรับชมที่คมชัดบนหน้าจอ AMOLED Dot Display ที่ได้รับคะแนน A+ จากการจาก DisplayMate ทั้งยังรองรับ TrueColor และเพื่อให้ผู้ใช้งานสบายใจมากยิ่งขึ้นหน้าจอแสดงผลมาพร้อม Corning® Gorilla® Glass Victus® ที่กันรอยขีดข่วนและยังรองรับ Dolby Vision® นอกจากนี้ Xiaomi 12 Series ยังรองรับ HDR 10+ อีกด้วย Xiaomi 12 Pro นั้นได้รับการรับรองการถนอมสายตาจาก SGS Eye Care Display ซึ่งแสดงให้เห็นความใส่ใจในการดูแลสายตาของผู้ใช้ในระยะยาวในขณะที่คุณใช้งานอย่างต่อเนื่องและยาวนาน

untitled-3

ในขณะเดียวกัน Xiaomi 12 Pro ได้กำหนดนิยามใหม่ของหน้าจอแสดงผลหลัก ไม่ว่าคุณจะเลื่อนดู เลื่อนขึ้นลง หรือปัดไปในทิศทางต่างๆ ก็ลื่นไหลอย่างไม่น่าเชื่อ มาพร้อมหน้าจอแสดงผลขนาด 6.73 นิ้ว WQHD+ ที่ประหยัดพลังงานสูงซึ่งส่งผลมาจากการใช้ AdaptiveSync Pro ในการปรับการแสดงผล LTPO แบบไดนามิกอย่างชาญฉลาดระหว่าง 1Hz ถึง 120Hz ปรับเปลี่ยนไปตามเนื้อหาที่ใช้งาน

ปัจจุบัน Xiaomi 12 มาพร้อมหน้าจอสมาร์ทโฟนที่มีสีสันที่สุดของเสียวหมี่ ด้วยสีที่มีมากกว่า 68 พันล้านสีบนจอแสดงผลแบบ full-HD+ ขนาด 6.28 นิ้ว และยังมี AdaptiveSync 120Hz เพื่อหน้าจอแสดงผลที่มีความละเอียดสูง สีสันสดใส

Xiaomi 12 Series มาพร้อม SOUND BY Harmon Kardon ที่สร้างประสบการณ์เสียงที่สมจริงที่ขับเคลื่อนโดย Dolby Atmos® ให้เสียงรอบทิศทางพร้อมรายละเอียดที่สมบูรณ์ คมชัด Xiaomi 12 Pro มาพร้อมลำโพงสี่ตัวประกอบไปด้วย ลำโพงทวีตเตอร์สองตัวและลำโพงวูฟเฟอร์สองตัว ให้รายละเอียดที่ชัดเจนและครอบคลุมช่วงเสียงอย่างน่าอัศจรรย์ ในขณะที่ Xiaomi 12 ให้เสียงสเตอริโอที่สมดุลซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเล่นเกมหรือวิดีโอที่สมจริง

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพประสบการณ์ผู้ใช้งานอย่างสมบูรณ์แบบขึ้นไปอีก Xiaomi 12 Series ได้ใช้ระบบปฏิบัติการ MIUI 13 ซึ่งเปิดตัวทั่วโลกเมื่อต้นปีนี้ การอัปเดตนี้นั้นหมายถึงการมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่เร็วขึ้น ระบบประมวลผลพื้นหลังที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น การประมวลผลที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานมากขึ้น ฟีเจอร์ใหม่ของการอัปเกรดครั้งนี้ ได้แก่ Liquid Storage, Atomized Memory, Focused Algorithms และ Smart Balance ที่เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะของเสียวหมี่

การชาร์จแห่งอนาคต

Xiaomi 12 Pro มาพร้อม Xiaomi HyperCharge 120W ที่เร็วอย่างเหลือเชื่อ ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 4,600mAh ที่ชาร์จเต็มในเวลาเพียง 18 นาทีโดยใช้โหมด Boost Xiaomi 12 Pro มอบความสามารถในการชาร์จสุดล้ำที่ตอบสนองทุกความต้องการของผู้ใช้งาน2

ในขณะที่ Xiaomi 12 นั้นใช้แบตเตอรี่ขนาด 4,500mAh ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับตัวเครื่องที่กะทัดรัด รองรับการชาร์จเทอร์โบแบบมีสาย 67W เพื่อการชาร์จที่รวดเร็ว นอกจากนี้ Xiaomi 12 Pro และ Xiaomi 12 ยังรองรับการชาร์จแบบไร้สาย 50W และการชาร์จแบบย้อนกลับ 10W อีกด้วย

Xiaomi 12 Pro และ Xiaomi 12 นั้นต่างก็ใช้ข้อได้เปรียบจาก Xiaomi AdaptiveCharge ซึ่งเป็นอัลกอริทึมการชาร์จอัจฉริยะที่เรียนรู้และปรับเปลี่ยนให้เข้ากับพฤติกรรมการชาร์จ ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่

ความสามารถระดับเรือธงที่อัดแน่นมาในดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์

สตูดิโอขนาดพกพานี้นั้นรับกับฝ่ามือของคุณอย่างลงตัวเป็นที่สุดด้วยการออกแบบที่โดดเด่นและคำนึงถึงผู้ใช้งานเป็นหลัก Xiaomi 12 Series มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุสูงที่บางกว่าและช่องว่างระหว่างสันที่แคบลงช่วยให้ประหยัดพื้นที่อันมีค่าภายในอุปกรณ์ หน้าจอแสดงผลขนาด 6.73 นิ้วของ Xiaomi 12 Pro ถูกห่อหุ้มด้วยกรอบตรงกลางอันโฉบเฉี่ยวด้วยความโค้งมนแบบ 3 มิติสุดหรู

ในขณะเดียวกันหน้าจอแสดงผล 6.28 นิ้วของ Xiaomi 12 นั้นกว้างเพียง 69.9 มม. และออกแบบตัวเครื่องให้มีความโค้งมนที่เรียบลื่นเพื่อความพอดีที่สมบูรณ์แบบ3 ทั้ง 2 อุปกรณ์มีสามสีสวยให้เลือก ได้แก่ เทา ม่วง และน้ำเงิน

xiaomi12series_saleinfo

ราคาและการจัดจำหน่ายในประเทศไทยของ Xiaomi 12 Series

Xiaomi 12 Series วางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 เมษายน 2565

  • Xiaomi 12 Pro รุ่นความจุ 12GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 31,990 บาท ณ Xiaomi Store ทุกสาขาและร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางร้านค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม
  • Xiaomi 12 รุ่นความจุ 12GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 26,990 บาท บนช่องทางออนไลน์แพลตฟอร์ม ที่ JD Central, Lazada และ Shopee
  • Xiaomi 12 รุ่นความจุ 8GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 24,990 บาท ณ Xiaomi Store ทุกสาขาและร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางร้านค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม

สำหรับลูกค้าที่สั่งจองผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย รับสิทธิ์ซื้อสินค้าในราคาพิเศษ* โดย Xiaomi 12 Pro ราคาเริ่มต้นเพียง 17,490 บาท และ Xiaomi 12 ราคาเริ่มต้นเพียง 12,990 บาท (หมายเหตุ* ตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับราคาพิเศษได้ที่ร้านค้าผู้ให้บริการเครือข่าย)

พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สั่งจอง Xiaomi 12 Pro หรือ Xiaomi 12 ในระหว่างวันที่ 16-27 มีนาคม 2565 รับฟรี** นาฬิกาอัจฉริยะ Xiaomi Watch S1 Active มูลค่า 4,990 บาท

(หมายเหตุ** สำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าผ่านช่องทางผู้ให้บริการเครือข่ายที่เลือกรับสิทธิ์ซื้อสินค้าในราคาพิเศษจากผู้ให้บริการเครือข่าย จะไม่ได้รับนาฬิกาอัจฉริยะ Xiaomi Watch S1 Active ลูกค้าต้องเลือกรับสิทธิ์เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง และสำหรับลูกค้าที่ซื้อ Xiaomi 12 รุ่นความจุ 8GB+256GB ผ่านช่องทางออนไลน์ JD Central หรือ Lazada หรือ Shopee ลูกค้าสามารถเลือกรับนาฬิกาอัจฉริยะ Xiaomi Watch S1 Active หรือ เลือกอัพเกรดเป็นรุ่นความจุ 12GB+256GB ฟรี! อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น)

xiaomi12series_6

นอกจากนี้! เสียวหมี่ยังมอบเซอร์ไพรส์ให้แก่ลูกค้ากลุ่มแรกที่สั่งจอง Xiaomi 12 Pro หรือ Xiaomi 12 และร่วมกิจกรรมตามที่กำหนดโดยลูกค้ามีสิทธิ์รับ Mi TV P1 55” มูลค่า 15,990 บาท

  • โอกาสที่ 1 วันที่ 16 มีนาคม ตั้งแต่เวลา 00 น. จำนวนรวม 100 สิทธิ์ สำหรับลูกค้าที่สั่งจองผ่านระบบออนไลน์ของ BaNANA Online, Jaymart Online, TG FONE Online, CSC / IT City Online, Lazada, Shopee หรือ JD Central
  • โอกาสที่ 2 วันที่ 16 มีนาคม ตั้งแต่เวลา 00 น. จำนวนรวม 60 สิทธิ์ สำหรับลูกค้าที่สั่งจองผ่านระบบออนไลน์ของผู้ให้บริการเครือข่าย AIS, dtac หรือ True (โดยสงวนสิทธิ์ให้เฉพาะลูกค้า AIS Serenade, True Black Card หรือ dtac Blue Member)
  • โอกาสที่ 3 วันที่ 19 มีนาคม ตั้งแต่เวลา 00 น. จำนวนรวม 100 สิทธิ์ สำหรับลูกค้าที่สั่งจองสินค้าและร่วมกิจกรรมพิเศษที่ Xiaomi Store สาขา Fashion Island ชั้น 3 หรือ Xiaomi Store สาขา Central World ชั้น 4
  • โอกาสที่ 4 วันที่ 2 เมษายน ตั้งแต่เวลา 00 น. จำนวนรวม 100 สิทธิ์ สำหรับลูกค้าที่จองสินค้าผ่านช่องทาง BaNANA IT, Jaymart, TG FONE, CSC / IT City หรือ Xiaomi Store by Wiratmalee และร่วมกิจกรรมพิเศษที่ศูนย์การค้า Siam Paragon

ทั้งนี้นอกจากโปรโมชันสุดพิเศษมากมายแล้ว Xiaomi 12 series ยังได้รับเกียรติจาก National Geographic ในการจับมือกันร่วมรังสรรค์แคมเปญสุดพิเศษในระดับภูมิภาคโดยจะมีช่างภาพที่มีประสบการณ์ในประเทศไทยถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพถ่ายและวิดีโอภายใต้หัวข้อ ‘วัฒนธรรมชุมชนทางทะเลของประเทศไทย’ ถ่ายทอดผ่าน Xiaomi 12 Pro เพื่อให้ภาพถ่ายและวิดีโอระดับภาพยนตร์ให้ออกมาอย่างสมจริงที่สุด และยังจับมือกับนักร้องนักแต่งเพลงชื่อดังอย่างคุณ แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข มาแต่งเพลงให้กับ MV สุดพิเศษพิเศษเฉพาะของ Xiaomi 12 series ที่พร้อมจะให้ทุกท่านรับฟังกันเร็วๆ นี้อีกด้วย

xiaomi-12-2

ชีวิตสมาร์ทขึ้นแบบง่ายๆด้วยสินค้า AIoT รุ่นใหม่

นาฬิกาอัจฉริยะ Xiaomi Watch S1 และ Xiaomi Watch S1 Active

xiaomiwatchs1series_salei

Xiaomi Watch S1 และ Xiaomi Watch S1 Active ซึ่งมาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ AMOLED 1.43 นิ้ว มีโหมดออกกำลังกายให้คุณเลือกมากถึง 117 โหมด สามารถเลือกลวดลายบนหน้าปัดได้มากกว่า 200 รูปแบบ ใช้งานได้ยาวนานถึง 12 วัน

Xiaomi Watch S1 มาพร้อมการการออกแบบที่แสนคลาสสิกและประณีตโดยใช้วัสดุกระจกแซฟไฟร์ กรอบแสตนเลสและสายหนังสุดหรู มีสองสีสวยให้เลือก ได้แก่ สีน้ำตาลและสีดำ จำหน่ายในราคา 6,490 บาท ในขณะที่ Xiaomi Watch S1 Active มีสามสีสวยให้เลือก ได้แก่ Moon White, Black Space และ Ocean Blue จำหน่ายในราคา 4,990 บาท นาฬิกาทั้งสองรุ่นจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป

หูฟังไร้สาย Xiaomi Buds 3T Pro และ Xiaomi Buds 3

xiaomibuds3series_saleinf

หูฟัง Xiaomi Buds 3T Pro และ Xiaomi Buds 3 มาพร้อมจุดเด่นในการตัดเสียงรบกวนชั้นนําระดับโลกแบบ Adaptive ตัดเสียงรบกวนสูงสุด 40dB และมอบคุณภาพเสียงระดับพรีเมียม Xiaomi Buds 3T Pro มาพร้อมระบบเสียง Luxury Dynamic Driver แม่เหล็กคู่ 10 มม. เคลือบด้วยไดอะแฟรม DLC ออกแบบให้มีคุณภาพเสียงระดับสตูดิโอและรองรับ LHDC 4.0 codec ช่วยให้คุณสัมผัสกับคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นพร้อมรายละเอียดที่มากขึ้น

ในขณะที่ หูฟัง Xiaomi Buds 3 ใช้ Dual-magnetic Dynamic Driver ความถี่กว้าง 3 แบนด์ให้คุณสัมผัสลึกถึงรายละเอียดของเสียง หูฟังทั้งสองถูกออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ของโครงสร้างใบหูชั้นนอกเพื่อความสบาย พอดี และสวมใส่ได้อย่างปลอดภัย มีให้เลือกสองสีได้แก่ Carbon Black และ Gloss White สำหรับ Xiaomi Buds 3T Pro จะวางจำหน่ายในราคา 3,999 บาท และ Xiaomi Buds 3 จะวางจำหน่ายในราคา 2,999 บาท จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป

ขอขอบคุณ – Sanook
.
.
.

รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก
facebook

#โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแท

Apple เริ่มวางจำหน่าย iPhone 12 และ iPhone 12 Pro ในแบบ refurbished แล้ววันนี้

Apple เริ่มวางจำหน่าย iPhone 12 และ iPhone 12 Pro ในแบบ refurbished แล้ววันนี้

Apple ได้มีการประกาศรับรองและขาย iPhone 12 และ iPhone 12 Pro ในรูปบแบของ Refurbished แล้วผ่านทาง Certified Refurbished store แล้วอย่างเป็นทางการ

re1

โดยมือถือที่ผ่านทาง Refurbished จะมีการเปลี่ยนแปลงแบตเตอรี่ใหม่และปรับปรุงแก้ปัญหาของเครื่องและมีการรัปบระกัน 1 ปี แต่ไม่สามารถขอคืนได้ และคุณจะไม่ได้กล่องเครื่องเหมือนกับการซื้อเครื่องใหม่ โดยเมื่อเทียบกับเครื่องหใม่แล้ว iPhone 12 และ iPhone 12 Pro จะประหยัดกว่าเครื่องใหม่ราวๆ 110 – 180 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือ 3,6xx – 6,0xx บาท

สำหรับ iPhone ในแบบ refurbished หรือเครื่องที่ผ่านการซ่อมแซมและแก้ปัญหา หรือเครื่องทดแทน มักจะเริ่มมีการวางจำหน่ายหลังจากมือถือรุ่นใหม่ออกมาสักพักหนึ่งแล้วนั่นเอง

ขอขอบคุณ – Sanook
.
.
.

รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก
facebook

#โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแท

เปิดตัว realme 9 5G SE หน้าจอ refresh Rate 144Hz พร้อมกับ Snapdragon 778G

เปิดตัว realme 9 5G SE หน้าจอ refresh Rate 144Hz พร้อมกับ Snapdragon 778G

realme 9 5G SE ซึ่งย่อมาจาก Speed Edition โดยมือถือรุ่นนี้มาพร้อมกับขุมพลังของ Snapdragon 778G โดยมาพร้อมกับขุมพลังที่แรงกว่า Snapdragon 695 พร้อมกับ GPU อยู่ที่ 642L และมี RAM 6 / 8GB โดยมี LPDDR4x และมีความจำภายใน 128GB ในความจำแบบ microSD ส่วนสีสันให้เลือกที่ Starry Glow  Azure Glow

ทางด้านของหน้าจอยังมีขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ (2412 x 1080 พิกเซล) รองรับ Refresh Rate 144Hz และยังสามารถปรับระดับได้ ให้แบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh รองรับการชาร์จไฟ 30W

9_se_5

ทางด้านกล้องติดตั้งมาให้ทั้งหมด 4 ตัวทั้งความละเอียด 48 ล้านพิกเซล, มุมกว้างและ Depth, Macro พร้อมกับรองรับการอัดวิดีโอ 4K 30 FPS และยังมาพร้อมกับ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2 ใหม่ล่าสุด โดยราคาเปิดแล้วในอินเดียและยุโรปโดยมีราคาดังนี้

  • RAM 6/128GB = 19,999 รูปี หรือ 8,6xx บาท
  • RAM 8/128GB = 22,999 รูปี หรือ 9,990 บาท
9_3

realme 9 5G คืออีกรุ่นที่เปิดตัวเช่นเดียวกัน โดยลดขนาดหน้าจอเหลือที่ 6.5 นิ้วพร้อมกับ Refresh Rate 90Hz ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล พร้อมกับอัตราส่วน 20:9 พร้อมกับความสว่างอยู่ที่ 600 Nits และ Touch Sampling Rate อยู่ที่ 180 Hz

ขุมพลังรุ่นนี้เลือกใช้ MediaTek Dimensity 810 ขนาด 6 นาโนเมตร และมีการรองรับ Modem 5G รองรับความจำขนาด 64 / 128GB แบบ UFS 2.1 และ RAM ขนาด 4 / 6GB มาพร้อมกับ microSD รองรับระบบปฏิบัติการ Realme UI 2.0 พร้อมกับ Android 11 เช่นเคย ถาดใส่ซิมเป็นแบบ Triple Slot

9_4

ส่วนกลองนั้นด้านหลังมีความละเอียด 48 ล้านพิกเซล และมีเลนส์ Depth Sensor, Macro อย่างละ 2 ล้านพิกเซล พร้อมกับถ่ายวิดีโอ 4K กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล  ให้แบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh รองรับการชาร์จไฟ 18W รองรับ Wi-Fi 5 / Bluetooth 5.1

ส่วนราคานั้นจะอยู่ที่

  • RAM 4GB / 64GB = 14,999 รูปี หรือประมาณ 6,5xx บาท
  • RAM 6GB / 128GB = 17,499 รูปี หรือประมาณ 7,6xx บาท

เริ่มจำหน่ายในวันที่ 14 มีนาคมผ่านทางช่องทางออนไลน์ในอินเดีย ส่วนประเทศอื่นๆ ต้องรอติดตามกันต่อไป

ขอขอบคุณ – Sanook
.
.
.

รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก
facebook

#โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแท

เปิดตัว iPhone SE 3 ในราคาหมื่นกลาง แต่ความแรงระดับ iPhone 13

เปิดตัว iPhone SE 3 ในราคาหมื่นกลาง แต่ความแรงระดับ iPhone 13

Apple เปิดตัว iPhone SE 3 ที่มาพร้อมกับชิปเซ็ตรุ่นล่าสุดของ Apple อย่าง Apple A15 Bionic ตัวเดียวกับที่ใช้ใน iPhone 13 และ iPhone 13 Pro และรองรับ 5G ด้วย ด้วยค่าตัวเพียง 15,900 บาทเราก็ได้สเปกที่แรงระดับเดียวกับเรือธงเลย

1553209-thumbnail

ผลทดสอบจาก Geekbench พบว่า iPhone SE 3 แรงพอ ๆ กับ iPhone 13 โดยทำคะแนน Single-core ได้ 1,695 คะแนน และคะแนน Multi-core ได้ 4,021 คะแนน นอกจากนี้ผลการทดสอบยังพบว่า iPhone SE 3 ยังมี RAM ให้มากถึง 4GB เท่ากับ iPhone 13 ด้วย นับว่าเป็น iPhone ที่ปรับสเปกภายในมาให้ค่อนข้างคุ้มค่าเลยทีเดียว

สำหรับคะแนนของ iPhone 13 Pro ที่ทดสอบบน Geekbench มีคะแนน Single-core อยู่ที่ 1,696 คะแนน และ Multi-core อยู่ที่ 4,646 คะแนน

เมื่อเทียบกับฝั่ง Android ซึ่งมีชิป Snapdragon 8 Gen 1 เป็นชิประดับเรือธง ทำคะแนนบน Geekbench ได้น้อยกว่า iPhone SE โดยทำคะแนน Single-core ได้ 1,221 คะแนน และ Multi-core ได้ 3,812 คะแนน จึงพอสรุปคร่าว ๆ ได้ว่า iPhone SE แรงกว่าเรือธงของ Android ในตลาดทุกรุ่นที่ใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 1 แต่ก็ต้องรอดูอีกทีว่า Snapdragon 8 Gen 1+ จะทำคะแนนพลิก Apple A15 ได้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของ iPhone SE ก็มีเพียงแค่เรื่องชิปและราคาเท่านั้น เพราะสเปกโดยรวมของเครื่องก็ถือว่าล้าหลังกว่าเรือธง Android ทุกรุ่นเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องดีไซน์ หน้าจอ กล้องที่แทบจะเป็น iPhone 8 เปลี่ยนเครื่องในใหม่มาอย่างเดียวเลยครับ

ขอขอบคุณ – Sanook
.
.
.
.

รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก
facebook

#โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแทค