by Sokid Munkong | Jan 13, 2022 | Uncategorized
Apple ได้มีการปล่อยอัปเดตให้กับระบบปฏิบัติการมือถือและ Tablet ของตนอย่าง iOS 15.2.1 และ iPadOS 15.2.1 แล้วอย่างเป็นทางการ มาดูกันว่าระบบปฏิบัติการใหม่นี้จะมีการแก้ไขอะไรบ้าง
iOS 15.2.1
ข้อความอาจไม่โหลดรูปภาพที่ส่งโดยใช้ลิงก์ iCloud แอป CarPlay ของบริษัทอื่นอาจไม่ตอบสนองต่อการป้อนข้อมูล
iPadOS 15.2.1
มีการแก้ไขข้อบกพร่องสำหรับ iPad ของคุณ ซึ่งรวมถึงปัญหาดังต่อไปนี้:
ข้อความอาจไม่โหลดรูปภาพที่ส่งโดยใช้ลิงก์ iCloud
เท่ากับการแก้ปัญหาของ Patch นี้จะเน้นเรื่องการทำงานที่ผิดพลาดและตอบสนองข้อมูลไม่วิ่งเท่านั้นเอง และเป็น Patch ที่แนะนำให้ควรอัปเดตครับขอขอบคุณ – Sanook รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก #โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแทค
by Sokid Munkong | Jan 12, 2022 | Uncategorized
realme ประเทศไทยได้เปิดตัวมือถือใหม่ล่าสุดตัวแรกของปีที่มีชื่อรุ่นว่า realme 9i โดยมือถือรุ่นนี้เป็นมือถือระดับราคา 7,999 บาท ที่มีสเปกนเนเรื่องการใช้งานที่ดีทั้งความเร็ว, แบตเตอรี่อึด และรวมไปถึง ขุมพลัง Qualcomm Snapdragon 680มือถือสเปคแรงต้องคู่กับโปรเน็ตแรงๆ สมัครเน็ต คลิก
มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.6 นิ้ว IPS LCD ความละเอียด FHD+ ถือว่าคมชัด รองรับ Refresh Rate แบบ Adaptive ระดับ 90Hz และออกแบบตัวเครื่องได้สวยงาม โดยใช้การออกแบบ Stereo Prism ที่มีการเคลือบด้วยแสงทั้งหมด 8 ชั้น และมีการตัดกับ CNC 6 ชั้น แต่ยังได้ความบาง 8.4 มิลลิเมตรและน้ำหนักเบาเพียง 190 กรัม
มาพร้อมกับขุมพลัง Qualcomm Snapdragon 680 ขนาด 6 นาโนเมตร ที่ใช้พลังงานน้อยลงกว่า 62% แต่แรงขึ้น 46% และยังรองรับการประมวลผล AI (รุ่นนี้ใช้งานได้แค่ 4G เท่านั้น) พร้อมกับ RAM 6GB + VRAM 5GB และความจำ 128GB สามารถเพิ่มได้ผ่าน Micro SD ให้แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับกำลังชาร์จไฟ 33W
กล้องหลัง 3 ตัวความละเอียดสูงสุดที่ตัวหลัก 50 ล้านพิกเซล รองรับการเก็บรายละเอียดระดับ Ultra HD
realme 9i นำเสนอ 2 เฉดสีสู่ตลาดสมาร์ตโฟนเมืองไทย ได้แก่ Prism Blue และ Prism Black ในราคา 7,999 บาท (6+128GB) เตรียมวางจำหน่ายในวันที่ 15 มกราคม 2564 บน realme official store ในช่องทาง shopee ที่แรกเท่านั้น และวางจำหน่ายทุกช่องทาง 20 มกราคม นี้ขอขอบคุณ – Sanook รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก #โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแทค
by Sokid Munkong | Jan 5, 2022 | Uncategorized
เปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายแล้วในไทย Samsung Galaxy S21 FE 5G ที่รวมฟีเจอร์เด่นที่แฟนๆ หลงรัก ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพกล้องระดับโปร ถ่ายภาพกลางคืนด้วย Night-mode ได้ครบทุกเลนส์ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง พร้อมสเปคที่ทรงพลัง ดีไซน์สวยเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่น เฉพาะ Galaxy S Series และ การเชื่อมต่ออีโคซิสเต็มที่ลื่นไหล ราคา 25,900 บาท
Galaxy S21 FE 5G สานต่องานดีไซน์ระดับพรีเมียมอันเป็นซิกเนเจอร์ของตระกูล Galaxy S Series ไล่มาตั้งแต่ดีไซน์กล้องสไตล์ ‘คอนทัวร์ คัท (Contour cut)’ ที่ผสานเข้ากับกรอบโลหะเพรียวบาง โฉบเฉี่ยวได้อย่างลงตัว
มาพร้อมตัวเลือกสีใหม่ 4 เฉด ให้ผู้ใช้สามารถสะท้อนตัวตนได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น สีเขียวโอลีฟ, สีม่วงลาเวนเดอร์, สีขาว และสีดำแกรไฟต์ บนวัสดุผิวด้านแบบแมทท์ (Haze Finish) โดยตัวเครื่องมาพร้อมกับความเพรียวบางกระชับมือที่ 7.9 มิลลิเมตร หย่อนลงกระเป๋าได้สบายๆ พกพาง่ายติดตัวไปได้ทุกที่
Galaxy S21 FE 5G ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการล่าสุดที่ประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว แบบเดียวกันกับใน Galaxy S21 Series ซึ่งรับรองว่าเหล่าเกมเมอร์และสตรีมเมอร์จะต้องว้าวกับภาพอันคมชัดและกราฟิกคุณภาพสูง รวมถึงยกระดับเกมโปรดให้เหนือไปอีกขั้นด้วยความสามารถในการตอบสนองการสัมผัสแบบใหม่ (Touch response) 240Hz ที่รวดเร็วพร้อมเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ด้วยอัตราการรีเฟรช 120Hz ที่มาพร้อมความละเอียดสูงสุดบนจอแสดงผล Dynamic AMOLED 2X
อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวันไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน หรือเดินทางไปที่ไหน ก็พร้อมใช้งานเสมอ และยังมีระบบชาร์จเร็ว 25W ชาร์จเพียง 30 นาทีแบตเตอรี่ก็จะกลับมาที่ 50% ช่วยให้คุณเพลิดเพลินไปกับประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมและรวดเร็วได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ถูกขัดจังหวะมือถือสเปคแรงต้องคู่กับโปรเน็ตแรงๆ สมัครเน็ต คลิก
คุณภาพกล้องระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน มาพร้อมกับกล้องคุณภาพระดับโปรที่ถ่ายภาพได้สวยคมชัดครบทุกระยะเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นกล้อง 12MP Ultra wide, 12MP Wide Camera, 8MP Telephoto รวมไปถึงกล้องหน้า 32MP
กล้องหน้าและหลังสามารถถ่ายภาพกลางคืนด้วย Night Mode ได้ทุกเลนส์ เก็บรายละเอียดได้ครบ และยังมี AI Multi Frame Composition ที่รวมภาพ 14 เฟรมเป็น 1 ภาพภายใน 5 วินาที เพื่อช่วยลดน้อยซ์ (noise) และความเบลอที่อาจเกิดขึ้น ทำให้แฟนกาแลคซี่สามารถเก็บภาพช่วงเวลากลางคืนได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นอกจากนี้ Galaxy S21 FE 5G ยังเอาใจแฟนๆ สายทำคอนเทนต์ด้วยฟีเจอร์กล้องที่ครบครัน ถ่ายแล้วโพสต์ลงโซเชียลมีเดียได้เลย
Dual Recording เก็บภาพความประทับใจถ่ายวิดีโอกล้องหน้าและหลังได้พร้อมกันในครั้งเดียว Portrait Mode ถ่ายภาพ Portrait หน้าชัดหลังเบลอสวยพร้อมเปลี่ยนสไตล์พื้นหลังได้เพียบ My Filter เก็บโทนสีที่ชอบมาเป็นฟิลเตอร์ส่วนตัวได้สูงสุดถึง 99 แบบ คุมโทนได้แบบง่ายๆ Object Eraser ที่ช่วยลบคนหรือวัตถุที่ไม่ต้องการในภาพได้ ให้ภาพสวยถูกใจโดยไม่ต้องโหลดแอปฯ เพิ่ม
ระบบปฏิบัติการ One UI 4 จากซัมซุง ผู้ใช้สามารถออกแบบการใช้งานได้ตามความต้องการ พร้อมมั่นใจในความปลอดภัย รวมถึงการควบคุมความเป็นส่วนตัวที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับแต่งได้ทั้งหน้าจอหลัก ไอคอน การแจ้งเตือน วอลเปเปอร์ และส่วนอื่นๆ ได้ตามจินตนาการ
Galaxy S21 FE 5G มาพร้อมตัวเลือก 4 เฉดสี ได้แก่ สีเขียวโอลีฟ, สีม่วงลาเวนเดอร์, สีขาว และสีดำแกรไฟต์ พร้อมให้กาแลคซี่แฟนเป็นเจ้าของได้ใน ราคา 22,900 บาท (128GB) และ 25,900 บาท (256GB)
โปรโมชั่นสุดคุ้ม! สำหรับผู้ที่สั่งซื้อในรอบวางจำหน่ายพิเศษตั้งแต่วันที่ 4 – 10 มกราคม 2565 สามารถอัพเกรดความจุจาก 128GB เป็น 256GB ได้ฟรี! มูลค่า 3,000 บาท พร้อมรับเครื่องได้ทันที และยังจะได้รับส่วนลดเพิ่มเติมจากโปรโมชั่นเก่าแลกใหม่อีกด้วย ที่ Samsung Experience Store และ samsung.com ขอขอบคุณ – techoffside รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก #โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแทค
by Sokid Munkong | Jan 4, 2022 | Uncategorized
ตามที่ ครม. มีมติเห็นชอบเปิดโครงการ “คนละครึ่งเฟส 4” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศให้ต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเริ่มโครงการ คนละครึ่งเฟส 4 ได้ในเดือนมีนาคม 2565 ถึง เมษายน 2565 เป็นระยะเวลา 2 เดือน โครงการ “คนละครึ่งเฟส 4” เริ่มวันที่ 1 มีนาคม – 30 เมษายน 2565
ผู้ได้สิทธิในโครงการ “คนละครึ่งเฟส 3” จำนวน 27.98 ล้านราย ต้องกดยืนยันตนอีกครั้ง ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ผู้ที่ไม่เคยลงทะเบียนจะต้องสมัครผ่านทางเว็บไซต์ คนละครึ่ง.com
ทั้งนี้ รัฐบาลชี้แจงว่า มีงบประมาณเหลือจากโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ราว 10,000 ล้านบาท โดยจะนำเงินที่เหลือนี้มาใช้เป็นวงเงินบริหารใน “คนละครึ่งเฟส 4” ส่วนผู้ที่ลงทะเบียนจะได้วงเงินเท่าไรนั้น คงต้องติดตามเรื่องนี้จาก ครม. อีกครั้ง แต่คาดว่าน่าจะไม่แตกต่างกับเฟสที่ผ่านๆ มา นั่นคือ ผู้มีสิทธิจะได้วงเงินจากโครงการ เดือนละ 1,500 บาทต่อคนขอขอบคุณ – Bangkokbiz รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก #โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแทค
by Sokid Munkong | Jan 3, 2022 | Uncategorized
Xiaomi ได้จัดอีเวนต์เปิดตัวสมาร์ตโฟนระดับเรือธงพร้อมซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่ล่าสุดอย่าง MIUI 13 สำหรับสมาร์ตโฟน, แท็บเล็ต , อุปกรณ์อัจฉริยะ และโทรทัศน์
ล่าสุดทาง Xiaomi ได้เปิดเผยรายชื่ออุปกรณ์ที่จะได้รับการอัปเกรดซอฟต์แวร์ MIUI 13 ดังนี้
Xiaomi Mi 11 Xiaomi Mi 11 Ultra Xiaomi Mi 11i Xiaomi Mi 11X Pro Xiaomi Mi 11X Xiaomi 11T Pro Xiaomi 11T Xiaomi Mi 11 Lite Xiaomi Mi 11 Lite 5G Xiaomi 11 Lite 5G NE Xiaomi 11 Lite NE Xiaomi Pad 5 Redmi 10 Redmi 10 Prime Redmi Note 8 (2021) Redmi Note 10 Pro Redmi Note 10 Pro Max Redmi Note 10 Redmi Note 10 JE
มือถือสเปคแรงต้องคู่กับโปรเน็ตแรงๆ สมัครเน็ต คลิก
MIUI 13 ได้รับการอัปเกรดประสิทธิภาพด้นความปลอดภัย ทั้งการหลอกลวงทางอิเล็กทรอนิกส์, การควบคุมความเป็นส่วนตัว, วิดเจ็ตใหม่, ภาพพื้นหลังใหม่ และฟอนต์ Mi Sans โดย Xiaomi จะปล่อยอัปเกรดซอฟต์แวร์เวอร์ชันสำหรับสมาร์ตโฟนทั่วโลกในไตรมาสที่ 1 ปี 2022ขอขอบคุณ – Sanook รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก #โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแทค
by Sokid Munkong | Dec 30, 2021 | Uncategorized
เมื่อโลกดิจิทัลแฝงอยู่ในทุกด้านของชีวิต ก็คงจะหนีไม่พ้นในเรื่องของการทำงาน หลาย ๆ องค์กรพยายามปรับตัวให้เป็นองค์กรที่เข้ากับยุคเทคโนโลยีสุดล้ำสมัย บุคลากรในองค์กรก็ต้องปรับตัวเช่นกัน นั่นหมายความว่าในยุคแบบนี้ ใครที่รู้เทคโนโลยีมากกว่าก็มักจะได้เปรียบกว่าคนอื่นแน่นอน เพราะมันเป็นทักษะที่นำมาพัฒนาเพื่อใช้ในการทำงานได้ มีเทคฯ เรื่องใดบ้างที่ไม่รู้ไม่ได้แล้วในยุคนี้ และคนวัยทำงานควรศึกษาไว้เผื่อได้ใช้ประโยชน์ในอนาคตอันใกล้
1. Cyber Security
เป็นเรื่องของความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ เนื่องจากทุกวันนี้ชีวิตเราเกี่ยวเนื่องกับอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีแทบจะ 24 ชั่วโมง ชนิดที่ว่าผนวกรวมเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันไปแล้ว จะทำอะไรก็ต้องทำผ่านออนไลน์ จึงจำเป็นต้องคำนึงในแง่ของความปลอดภัยในการใช้งาน อาทิ การถูกแฮกขโมยข้อมูล การปล่อยไวรัสคอมพิวเตอร์โจมตี การรั่วไหลของข้อมูล ดังนั้น ความรู้ความเข้าใจในการใช้งานโลกดิจิทัลแบบเดิม ๆ อาจจะไม่ครอบคลุมความปลอดภัยในเรื่องนี้ พื้นฐานของคนที่ใช้อินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีในปัจจุบันจึงต้องยึดเอาเรื่องการป้องกันสูงสุดจากการถูกหลอก เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีความเสียหายใด ๆ เกิดขึ้นบนออนไลน์
2. AI
หลายคนทราบดีว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ามามีอิทธิพลต่อการทำงานมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา จนมีประเด็นที่ถูกพูดถึงอยู่บ่อยครั้งว่า “AI จะมาแทนที่มนุษย์หรือไม่” จึงยังคงทำให้หลายคนรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เพราะทุกวันนี้ หลาย ๆ วงการล้วนมี AI ประจำการอยู่บ้างแล้ว ไม่เว้นแม้แต่วงการอินฟลูเอนเซอร์ และยิ่งเมื่อช่วงปลายปี 2021 โลกเรามี Metaverse หรือความเป็นโลกเสมือนเข้ามาเป็นตัวเร่งการพัฒนาขีดความสามารถของ AI จึงเป็นไปได้ว่า ปรากฏการณ์ที่ AI จะฉลาดกว่ามนุษย์นั้นอาจจะเร็วขึ้นกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ เพราะฉะนั้น หันมาสนใจว่า AI คืออะไร ทำอะไรได้บ้าง และศึกษาวิธีทำงานของ AI บ้างก็ดี จะได้พอจับทางอนาคตถูก
3. Metaverse
เวลานี้โลกเราเข้าสู่ยุคที่เริ่มสร้างโลกเสมือนกันขึ้นมาอย่างจริงจัง จนมันอาจจะซ้อนทับกับโลกแห่งความจริงเร็วกว่าที่คิด ยิ่งถ้ามาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ทำให้เมทาเวิร์สเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของชาวโลกได้อย่างจริงจังภายใน 5 ปีแบบที่ลั่นวาจาไว้ เราคงได้เห็นอะไรต่ออะไรที่ไม่ได้คาดคิดในวันนี้อีกมากมาย ที่สำคัญการเปลี่ยนแปลงนี้มีแนวโน้มที่จะพัฒนาต่อได้อีกไกลในอนาคต เพราะบริษัทด้านเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หลายเจ้าก็กระโดดลงมาเล่นกับโลกเสมือนกันมากขึ้นแล้ว ดังนั้น การศึกษาเรื่องของเมทาเวิร์สอย่างจริงจังจึงไม่ใช่แค่เรื่องน่าสนุกและตื่นเต้นเท่านั้น เพราะอีกไม่นานเราน่าจะได้ใช้ประโยชน์อะไรบางอย่างจากเมทาเวิร์สในการทำงานและทำเงิน
4. Blockchain
เมื่อพูดถึงการทำธุรกรรมหรือการซื้อขายสิ่งต่าง ๆ บนโลกดิจิทัล ฟังดูอาจรู้สึกว่าเสี่ยง แต่การซื้อขายในลักษณะนี้ทำกันผ่านเทคโนโลยีเบื้องหลังที่เรียกว่าบล็อกเชน คอยตรวจสอบความถูกต้อง ความโปร่งใส โดยไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลใด ๆ ได้ จริง ๆ แล้วมันก็คือเทคโนโลยีการเก็บข้อมูลที่ไม่มีตัวกลาง แต่เราสามารถรู้ว่าใครเป็นเจ้าของข้อมูลชุดไหน เพราะข้อมูลของแต่ละคนจะสามารถแชร์ไปยังทุก ๆ คนได้เหมือนห่วงโซ่ โดยจะมีวิธีเข้ารหัสทางคอมพิวเตอร์เพื่อความปลอดภัย จึงมั่นใจได้ว่าธุรกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้นปลอดภัยจากการปลอมแปลงข้อมูลและตรวจสอบได้ บล็อกเชนจึงเป็นเรื่องที่น่าศึกษาเพิ่มเติม เพราะเป็นพื้นฐานการใช้งานดิจิทัลอีกหลายอย่างในยุคปัจจุบัน
5. Cryptocurrency
ในแวดวงดิจิทัล คริปโทเคอร์เรนซีมีมานานแล้ว แต่เพิ่งจะกลายเป็นปรากฏการณ์ให้คนครึ่งค่อนโลกแห่ไปศึกษาวิธีเล่นเมื่อไม่นานมานี้ ด้วยเห็นว่านักลงทุนที่อยู่ในวงการอยู่เดิมได้รับผลกำไรที่สูงมาก อีกทั้งยังสามารถทำเงินได้แบบ Passive Income แค่ลงทุนและได้รับผลตอบแทน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เคยมีการเตือนให้ระมัดระวังและศึกษาให้ดีก่อนที่คิดจะเข้าสู่วงการนี้ อย่าคิดแค่ว่าเล่นเพื่อหวังรวยเร็ว เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ที่สำคัญตลาดยังผันผวนสูงมาก คนที่เพิ่งรู้จักคริปโทฯ ใหม่ ๆ และสนใจจะหารายได้จากวงการนี้อย่าพรวดพราดเข้ามา ต้องศึกษาให้ดีก่อน ที่สำคัญ อีกไม่นานประเทศไทยจะมีการใช้งานเงินบาทดิจิทัล ที่มีลักษณะการใช้งานที่ทั้งใกล้เคียงกันและต่างกัน รู้ไว้ก็จะดีไม่น้อย
6. NFT
เอาเข้าจริง หลายคนอาจเพิ่งเคยได้ยิน NFT เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาก็ได้ ซึ่ง NFT ก็เป็นหนึ่งในคริปโทเคอร์เรนซี โดยอยู่ในรูปของสินทรัพย์บนโลกดิจิทัล ที่สามารถซื้อแล้วเป็นเจ้าของได้ เพียงแต่เราไม่สามารถจับต้องสินทรัพย์เหล่านั้นได้ และจะถูกนำไปใช้ในการยืนยันกรรมสิทธิ์เฉพาะสินทรัพย์ดิจิทัลเท่านั้น โดย NFT นั้นก็ถูกสร้างขึ้นมาจากเทคโนโลยี Blockchain เช่นเดียวกัน และใช้คริปโทฯ ในการซื้อขาย ที่น่าสนใจคือ NFT กลายเป็นแหล่งสร้างเงินรูปแบบใหม่บนโลกดิจิทัล ที่หลาย ๆ คนเริ่มหันมาศึกษาอย่างจริงจังหลังจากที่รู้ว่า NFT คืออะไร เพื่อสร้างรายได้มากกว่าทางเดียว เพราะฉะนั้น นี่อาจเป็นช่องทางในการทำเงินช่องทางใหม่ของคนวัยทำงาน
7. Data Analytics
ข้อมูลที่มีอยู่บนโลกนี้มีมากมายมหาศาล จนเรียกว่าบิ๊ก ดาต้า (Big Data) โดยการจะนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้งาน ก็จำเป็นต้องผ่านกระบวนการวิเคราะห์ก่อน ทักษะการวิเคราะห์และการจัดการข้อมูลจึงเป็นทักษะสำคัญในยุคนี้ เพราะ เรื่องของ Data Analytics คือการนำข้อมูลที่ได้จากที่ต่าง ๆ มาวิเคราะห์เพื่อประโยชน์ในการเป็นเครื่องมือสำหรับธุรกิจ เช่น การทำการตลาดให้ตรงใจลูกค้ามากขึ้น ซึ่งทุกวันนี้องค์กรต่าง ๆ ล้วนมีการนำเรื่องของ Data Analytics เข้ามาเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของการทำการตลาดเกือบหมดแล้ว ไม่เว้นแม้แต่ร้านค้าออนไลน์ ที่ยังต้องเปิด Facebook Analytics หรือ Google Analytics ดูเพื่อวางแผนการตลาดเลย ขอขอบคุณ – Sanookรวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก #โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแทค
by Sokid Munkong | Dec 29, 2021 | Uncategorized
เมื่อคืนที่ผ่านมา Xiaomi ได้เผยโฉม Xiaomi 12 Series ทั้งหมด 3 รุ่นในเมืองจีนอย่างเป็นทางการ แน่นอยนว่าทั้งหมดก็มีรายละเอียดที่ความน่าสนใจ โดยจะสรุปให้คุณได้อ่านดังนี้
Xiaomi 12
เริ่มต้นกับรุ่นพื้นฐานแต่รายละเอียดถือว่ามาเต็มกับ Xiaomi 12 รุ่นนี้เน้นความเล็กพกพาได้ โดยหน้าจอ 6.28 นิ้ว AMOLED ความละเอียด FHD+ พร้อมด้วย Refresh Rate ที่ 120Hz และมีระบบสแกนนิ้วมือใต้หน้าจอ และกระจก Gorilla Glass Victus ทั้งนี้ขนาดของเครื่องจริงจากภาพหลุด เล็กกว่า iPhone 13 รุ่นปกติอีก
กล้องหลังเลือกใช้ 50 ล้านพิกเซลจาก Sony IMX766 ขนาดเซนเซอร์ 1/1.56 นิ้ว พร้อมกับพิกเซลขนาดใหญ่ถึง 2.0 μm พร้อมกับระบบกันสั่น OIS มาให้ และอีก 2 เลนส์คือ 13 ล้านพิกเซล Ultra Wide และ 5 ล้านพิกเซลแบบ Tele-Macro
เห็นบางแบบนี้ใช้ขุมพลัง Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 และมีระบบจัดการความร้อนที่ดีไม่เบา นอกจากนี้แบตเตอรี่ที่ให้มีขนาด 4500 mAh รองรับกำลังชาร์จไฟแบบสายที่ 67W และไร้สายที่ 50W พร้อมกับ Reverse Wireless Charging ที่กำลัง 10W มาพร้อมกับ MIUI 13 พื้นฐานเป็น Android 12
มีทั้งหมด 3 สีคือ ดำ, ฟ้า, ชมพู และสีเขียนเป็นแบบหนังเทียม Vegan Leather โดยมือถือรุ่นนี้มีใหเลือกทั้งหมด 3 เกรด ได้แก่รุ่น RAM 8GB / ROM 128GB ราคา 3,699 หยวน หรือประมาณ 19,800 บาท, RAM 8GB / ROM 256GB ราคา 3,999 หยวน หรือประมาณ 21,000 บาท และ RAM 12GB / ROM 256GB ราคา 4,399 หยวน หรือประมาณ 23,xxx บาท เริ่มวางจำหน่ายในจีน 31 ธันวาคม นี้มือถือสเปคแรงต้องคู่กับโปรเน็ตแรงๆ สมัครเน็ต คลิก
Xiaomi 12 Pro
รุ่นต่อมาที่คาดว่าจะเป็นตัวท็อปจริง หน้าจอมือถือรุ่นนี้มีขนาด 6.73 นิ้ว ความละเอียดเพิ่มเป็น 2K หน้าจอแบบ LTPO 2.0 โดยมีค่า Refresh Rate สามารถปรับได้เองตั้งแต่ 1 – 120 Hz ทั้งนี้ระบบสแกนนิ้วก็ยังอยู่ในหน้าจอเหมือนเดิมและกระจก Gorilla Glass Victus เหมือนกับ Xiaomi 12 Pro เช่นเคย แต่ความสว่างสูงกว่าถึง 1,500 nits
ความแตกต่างของกล้องรุ่นนี้คือได้ใช้ Sony IMX707 ใหม่ล่าสุด และทำงากับ 3 กล้องโดยกล้องมีทั้ง กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ 1/1.28 นิ้ว รองรับเทคโนโลยี Pixel-binning และพิกเซลรวมกันใหญ่ถึง 2.44µm + OIS ตัวที่ 2 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล สามารถละลายหลังได้ และอีกตัวความละเอียด 50 ล้านพิกเซลเท่ากันและเป็นแบบ Ultrawide เช่นเคย
แต่มีการใส่เทคโนโลยี Cyber Focus โดยระบบนี้จะจับวัตถุ ใบหน้าของเราและพื้นหลังของเรา ทำงานได้อย่างรวดเร็วลด Noise และเพิ่มความคมชัดได้ แถมลง Noise ของภาพลงได้อีกเยอะพอสมควร ทั้งนี้แบตเตอรี่ขนาด 4600 mAh รองรับกำลังชาร์จไฟ 120W และรองรับ Wireless Charging ที่กำลัง 50W เพิ่มความปลอดภัยด้วยการติดตั้งชิป P1 ทำให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น
และยังได้ระบบเสียงปรับจูนโดย Harman / Kardon โดยลำโพงเป็นแบบบนและล่างเหมือนเดิม
ส่วนสีสันก็เหมือนกับ Xiaomi 12 รุ่นปกติ และมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นทั้ง
RAM 8GB / ROM 128GB = 4,699 หยวน หรือประมาณ 24,xxx บาท RAM 8GB / ROM 256GB = 4,999 หยวน หรือประมาณ 26,xxx บาท RAM 12GB / ROM 256GB = 5,399 หยวน หรือประมาณ 28,xxx บาท
วางจำหน่าย 31 ธันวาคมเช่นเคยมือถือสเปคแรงต้องคู่กับโปรเน็ตแรงๆ สมัครเน็ต คลิก
Xiaomi 12 X
ปิดท้ายด้วย Xiaomi 12 X ตัวเล็กไม่มีอะไรมากมันคือการเอา Xiaomi 12 เปลี่ยนขุมพลังเป็น Snapdragon 870 5G พร้อมกับตัดระบบ Wireless Charging ออก และขายในราคาถูกลง เริ่มต้นที่
RAM 8GB / ROM 128GB = 3,199 หยวน หรือประมาณ 16,xxx บาท RAM 8GB / ROM 256GB = 3,499 หยวน หรือประมาณ 18,xxx บาท RAM 12GB / ROM 256GB = 3,799 หยวน หรือประมาณ 20,000 บาท
เริ่มวางจำหน่าย 31 ธันวาคมเช่นเดียวกัน ในเมืองจีน ส่วน Global จะวางจำหน่ายเมื่อไหร่ต้องรอติดตามกันต่อไปขอขอบคุณ – Sanook รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก #โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแทค
by Sokid Munkong | Dec 28, 2021 | Uncategorized
เรียกว่าเป็นปีทองของแพลตฟอร์มชื่อดังอย่าง Tiktok ประสบความสำเร็จเกินคาด กลายเป็นเว็บที่มีผู้ใช้งานบนอินเทอร์เน็ตสูงที่สุดในปี 2021
เว็บระบบเครือข่าย Network ชื่อดังอย่าง Cloudflare เผยสถิติ 10 อันดับเว็บที่มีผู้ใช้งานในโลกอินเทอร์เน็ตเยอะที่สุดได้แก่ TikTok.com ที่ได้โค่นตัวพ่ออย่าง Google.com เป็นที่เรียบร้อย และรองลงมาคือ Facebook.com ตามลำดับ
และยังมีสถิติที่น่าสนใจอีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น กระแสซีรีส์ชื่อดังอย่าง Squid Game ทำให้ Netflix.com ยังครองอันดับหนึ่ง 2 ปีซ้อนในวงการสตรีมมิ่งและเว็บสนทนา อย่าง WhatsApp.com ก็กลับมาติดอันดับอีกครั้งในช่วง work from home
ส่วนแพลตฟอร์มชื่อดังอย่าง Facebook และ Instagram ที่ในสถิติปี 2021 เรียกว่าไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เพราะ Facebook.com เองในปีนี้ก็อันดับตกลงมา แถม Instagram.com ก็เรียกได้ว่าไม่ติด 10 อันดับด้วยซ้ำ
เราจะเห็นได้ว่าตั้งแต่มีการระบาดของโควิด-19 ผู้ใช้งานก็เริ่มหันไปใช้แพลตฟอร์มที่ในหมวดบันเทิงมากขึ้น แถมบ้างแพลตฟอร์มยังหาช่องทางรายได้เสริมเพิ่มอีกด้วย และเพื่อไม่ให้การรับชม tiktok สะดุด อย่าลืมสมัครเน็ตแรงๆ หรือเช็คโปรเน็ตดีๆ ได้ที่ โปรเน็ตแรงๆ สมัครเน็ต คลิก ขอขอบคุณ – techhubรวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก #โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแทค
by Sokid Munkong | Dec 27, 2021 | Uncategorized
Vivo อีกหนึ่งแบรนด์สมาร์ตโฟนที่มาแรงจากประเทศจีน ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนระดับพรีเมียมในซีรีส์ S12 ได้แก่ S12 รุ่นมาตรฐาน และ S12 Pro โดยทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมชิปเซต Dimensity, กล้องหน้า 2 ตัว และแฟลชกล้องหน้าที่ทำให้การถ่ายภาพบุคคลมีความสว่างมาก
Vivo S12
Vivo S12 เป็นรุ่นมาตรฐานที่มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด 1080p, รีเฟรชเรต 90 Hz, อัตราตอบสนองจอทัชสกรีน 180 Hz, รองรับเนื้อหา HDR10+ และเจาะรูสำหรับติดตั้งกล้องหน้า ความละเอียด 44 ล้านพิกเซล และกล้อง Ultrawide ความละเอียด 8 ล้านพิเซล
Vivo S12 ยังได้รับการติดตั้งชิปเซต Dimensity 1100 ซีึ่งทำงานร่วมกับแรม 8 – 12 GB และสตอเรจ 125 GB
อนกจากนี้ยังมาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 108 ล้านพิกเซล (f/1.9) เสริมด้วยกล้อง Ultrawide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (f2.2) และกล้องถ่ายภาพบุคคล ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (f/2.4) และแบตเตอรี่ขนาด 4,200 mAh ที่รองรับการชาร์จไฟ 44 Wมือถือสเปคแรงต้องคู่กับโปรเน็ตแรงๆ สมัครเน็ต คลิก
Vivo S12 จะวางจำหน่ายที่ประเทศจีนในวันที่ 30 ธันวาคม 2021 ในราคาดังนี้
8/256 GB : 2,799 หยวน หรือประมาณ 14,800 บาท 12/256 GB : 2,999 หยวน หรือประมาณ 15,900 บาท
Vivo S12 Pro
Vivo S12 Pro เป็นรุ่นพรีเมียมที่สุดในซีรีส์ โดยมาพร้อมชิป Dimensity 1200 พร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว, รีเฟรชเรต 90 Hz และอัตราตอบสนองจอทัชสกรีน 240 Hz
อีกสิ่งที่สำคัญคือกล้องหน้าความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (f/2.0) เสริด้วยกล้อง Ultrawide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหลังก็ยังคงเหมือนกับ Vivo S12
อีกสิ่งที่อัปเกรดขึ้นคือแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น เป็น 4,300 mAh
Vivo S12 Pro จะวางจำหน่ายที่ประเทศจีนในวันที่ 30 ธันวาคม 2021 เช่นกัน ในราคาดังนี้
8/256 GB : 3,399 หยวน หรือประมาณ 18,000 บาท 12/256 GB : 3,699 หยวน หรือประมาณ 19,600 บาท
ขอขอบคุณ – Sanook รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก #โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแทค
by Sokid Munkong | Dec 26, 2021 | Uncategorized
อัปเดตการจ่ายเงินสมทบของ “ผู้ประกันตนมาตรา 33” ที่ผ่านมา คณะกรรมการประกันสังคมมีมติลดอัตราเงินสมทบ ประกันสังคม ต่ออีก 3 เดือน ตั้งแต่เดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2564 โดยกำหนดลดอัตราเงินสมทบ ของนายจ้าง ในอัตราร้อยละ 2.5 และลูกจ้างในอัตรา 2.5% ซึ่งจดระยะการลดเงินสมทบในเดือนธ.ค. 64 นี้ ผู้ประกันมาตรา 33 จะต้องจ่ายเงินสมทบในอัตรา 5% หรือ 750 บาท ตามอัตราเดิมที่เคยจ่าย
สำหรับ อัตราการเก็บเงินสมทบ “ประกันสังคมม.33” ปี 2564 ที่ผ่านมามีการลดอัตราเงินสมทบ “ผู้ประกันตนมาตรา 33” ดังนี้
เดือน มกราคม 64 ส่งเงินสมทบ 3% สูงสุด 450 บาท เดือน กุมภาพันธ์ – มี.ค. 64 ส่งเงินสมทบ 0.5% สูงสุด 75 บาท เดือน เมษายน – พฤษภาคม 64 ส่งเงินสมทบ 5% สูงสุด 750 บาท เดือน มิถุนายน – พฤศจิกายน 64 ส่งเงินสมทบ 2.5% สูงสุด 375 บาท เดือน ธันวาคม 64 ส่งเงินสมทบ 5% สูงสุด 750 บาท
วิธีการคำนวณอัตราส่งเงินสมทบ “ประกันสังคมม.33” เงินเดือน 15,000 (เงินเดือน) x 5% (เงินหักเข้าประกันสังคม) = 750 (จำนวนเเงินที่ถูกหัก) เงินเดือน 15,000 (เงินเดือน) x 2.5% (เงินหักเข้าประกันสังคม) = 375 (จำนวนเเงินที่ถูกหัก)
ผู้ประกันตน “ประกันสังคมม.33” จะได้สิทธิอะไรบ้าง
1. กรณีเจ็บป่วย 2. กรณีคลอดบุตร 3. กรณีทุพพลภาพ 4. กรณีเสียชีวิต 5. กรณีสงเคราะห์บุตร 6. กรณีชราภาพ 7. กรณีว่างงาน
สิทธิการรักษา “ประกันสังคมม.33” กรณีเจ็บป่วย ดังนี้
1.กรณีเจ็บป่วยปกติ
ผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบครบ 3 เดือน ภายใน 15 เดือน ก่อนที่จะเจ็บป่วยสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลตามสิทธิหรือเครือข่ายสถานพยาบาลนั้นได้ฟรีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นค่าผู้ป่วยนอกหรือผู้ป่วยใน รวมทั้งค่าตรวจสุขภาพและฟื้นฟูสมรรถภาพ เว้นแต่มีความประสงค์สิ่งอำนวยความสะดวกเช่น ห้องพิเศษ แพทย์พิเศษ ซึ่งเหล่านี้ผู้ป่วยต้องจ่ายเพิ่มเอง
2.กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน หากเข้ารับรักษากับสถานพยาบาลที่ไม่ใช่สถานพยาบาลที่สำนักงานกำหนดสิทธิหรือเครือข่าย กรณีผู้ประกันตนได้สำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลไปก่อนสามารถเบิกคืนจากสำนักงานประกันสังคมในอัตราที่กำหนด ดังนี้
สถานพยาบาลของรัฐ
ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน ขอรับค่าบริการทางการแพทย์ได้โดยไม่จำกัดจำนวนครั้งตามรายละเอียดดังนี้
ผู้ป่วยนอก เบิกค่ารักษาพยาบาลได้เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็น ผู้ป่วยใน เบิกค่ารักษาพยาบาลได้เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นภายในระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ยกเว้น ค่าห้องและค่าอาหารเบิกได้ไม่เกินวันละ 700 บาท
สถานพยาบาลเอกชน
ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน สามารถเบิกได้ดังนี้
ผู้ป่วยนอก
เบิกค่าบริการทางการแพทย์เท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 1,000 บาท เบิกค่าบริการทางการแพทย์เท่าที่จ่ายจริงเกิน 1,000 บาท
ผู้ป่วยใน
ค่ารักษาพยาบาล กรณีที่ไม่ได้รักษาในห้อง ICU เบิกได้ไม่เกินวันละ 2,000 บาท ค่าห้องและค่าอาหารเบิกได้ไม่เกินวันละ 700 บาท ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล กรณีที่รักษาในห้อง ICU เบิกได้ไม่เกินวันละ 4,500 บาท กรณีที่มีความจำเป็นต้องผ่าตัดใหญ่เบิกได้ไม่เกินครั้งละ 8,000-16,000 บาท ตามระยะเวลาการผ่าตัด ค่าฟื้นคืนชีพรวมค่ายา และอุปกรณ์เบิกได้ไม่เกิน 4,000 บาท ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ และหรือเอกซเรย์ เบิกได้ไม่เกินรายละ 1,000 บาท
ขอขอบคุณ – คมชัดลึก
รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก #โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแทค